Welcome To Blog Translation การแปล 1 By Massalin Saelee 5681114028

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

Learning Log  
Week3: 18/08/2015
Tense (กาล)


ปัจจุบันภาษาอังกฤษนับได้ว่าเป็นภาษาที่มีความสำคัญมากภาษาหนึ่งและเป็นภาษาหลักที่หลายประเทศใช้ในการติดต่อสื่อสาร สิ่งสำคัญพื้นฐานของภาษาอังกฤษนอกจากจะมีคำศัพท์ที่ต้องจดจำแล้ว ยังมีเรื่องของ Tense ซึ่งเป็นไวยากรณ์พื้นฐานของภาษาอังกฤษ หากเราสามารถรู้และเข้าใจถึงโครงสร้างของ Tense ก็จะทำให้สะดวกในการพูด การอ่าน และการเขียน ภาษาอังกฤษ ได้ดียิ่งขึ้น  Tense   คือรูปแบบ(หรือโครงสร้าง)ของกริยา  ที่แสดงให้เราทราบว่า  การกระทำหรือเหตุการณ์ นั้นๆเกิดขึ้นเมื่อใด   ซึ่งเรื่อง  tense  นี้เป็นเรื่องสำคัญ  ถ้าเราใช้    tense  ไม่ถูก  เราก็จะสื่อภาษากับเขา ไม่ได้  เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนั้นจะอยู่ในรูปของ  tense  เสมอ  ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่เราจะมีข้อความบอกว่าเกิดขึ้นเมื่อใดมาช่วยเสมอ   แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป  tense  นี้มาเป็นตัวบอก  ดังนี้การศึกษาเรื่อง  tense  จึงเป็นเรื่องจำ เป็น
Tense  ในภาษาอังกฤษนี้จะแบ่ง ออกเป็น  3  tense  ใหญ่ๆคือ
1.กลุ่มที่เป็นปัจจุบัน
Present Simple Tense
รูปประโยค subject + V1(-s, -es)
วิธีใช้
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบัน, นิสัย, กิจวัตรประจำวัน
2. ใช้กับเหตุการณ์ทางธรรมชาติ
3. อาชีพหรืองานที่ทำอยู่
เช่น
He drinks a glass of milk every night.
เขาดื่มนม 1 แก้วทุกคืน
They work at MMM company.
พวกเขาทำงานที่ บริษัท MMM.
I want to be a singer.
ฉันต้องการเป็นนักร้อง

Present Continuous Tense
รูปประโยค subject + is /am/are + Ving
วิธีใช้
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในปัจจุบันขณะ
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดในอนาคต
เช่น
The boy is sleeping.

เด็กคนนั้นกำลังนอนหลับ.
You are visiting my Blog.
ทุกกำลังเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของผม
I am swimming tomorrow.
ผมจะไปว่ายน้ำวันพรุ่งนี้

Present Perfect Tense
รูปประโยค subject + have/has + V3
วิธีใช้
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะจบลง
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดมาตั้งแต่อดีตต่อเนื่อง
     มาถึงปัจจุบันและดำเนินต่อไปในอนาคต
เช่น
I have just arrived here.
ฉันเพิ่งจะมาถึงที่นี้
He has lived in this house for 4 years
เขาอยู่ที่บ้านหลังนี้มา 4 ปี (และยังอยู่ต่อไปอีก)

Present Perfect Continuous Tense

รูปประโยค subject + have/has + been + Ving
วิธีใช้ ใช้เช่นเดียวกับ Present Perfect Tense
แต่เป็นการเน้นให้เห็นถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง

I has been living  in this house for 4 years.
ฉันอยู่ที่บ้านหลังนี้มาตลอด 4 ปี (แบบไม่ได้ไปอยู่ที่อื่นเลย)
She has been waiting for me about 2 hours.
เธอรอฉันมาตลอด 2 ชั่วโมง
I have been loving only you for all my life.
ฉันรักเพียงเธอคนเดียวมาตลอดชีวิตของฉัน

2.กลุ่มที่เป็นอดีต

Past Simple Tense
รูปประโยค Subject + V2
วิธีใช้ ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบสิ้นไปแล้วในอดีต

She was a teacher.
เธอเคยเป็นครู.
You needed me.
คุณเคยต้องการฉัน
I gave you some money yesterday.
ฉันให้เงินคุณไปแล้วเมื่อวานวัน

Past Continuous Tense
รูปประโยค Subject + was /were + Ving
วิธีใช้
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในอดีต โดยทราบเวลาที่แน่นอน
2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่กำลังที่เกิดพร้อมกันในอดีต
3. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่ไม่พร้อมกันในอดีต โดยที่
     เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ใช้ Subject + was /were + Ving
     เหตุการณ์ที่แทรกขึ้นมาใช้ Subject + V2

What were you doing at 10.00 o'clock yesterday?
คุณทำอะไรอยู่ตอน 10 โมงเมื่อวานนี้
I was reading a new novel at 10.00 o'clock yesterday.
ฉันกำลังอ่านนิยายเรื้องใหม่ตอน 10.00โมง เมื่อวานนี้

I was watching TV while they were playing game.
ฉันกำลังดูทีวีขณะที่พวกเขากำลังเล่นเกม

He was listening to music while his father came in his room.
เขากำลังฟังเพลง ขณะที่ พ่อของเขาเดินเข้ามาในห้องของเขา

Past Perfect Tense
รูปประโยค Subject + had + V3
วิธีใช้ ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่ไม่พร้อมกันในอดีตโดยที่
          เหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Subject + had + V3
          เหตุการณ์ที่เกิดตามมาใช้ Subject + V2

I had slept before my mother arrived home last night.
ฉันหลับไปก่อนที่แม่จะมาถึงบ้านเมื่อคืนนี้

He took a shower atfer he had had dinner, .
เขาอาบน้ำหลังจากที่เขาทานมื้อเย็นแล้ว

Past Perfect Continuous Tense
รูปประโยค subject + had + been + Ving
วิธีใช้ ใช้เช่นเดียวกับ Past Perfect Tense
แต่เป็นการเน้นให้เห็นถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง

He has been writing 7 books so far.
ถึงตอนนี้ เขาเขียนหนังสือมา 7 เล่มแล้ว

3. กลุ่มที่เป็นอนาคต
Future Simple Tense

รูปประโยค Subject + will + V1
หรือ Subject + is/are/am + go to + V1
วิธีใช้ ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

I will go to Hua-Hin with my family next week.
ฉันจะไปหัวหินกับครอบครัวสัปดาห์หน้า
He will sell his old house.
เขาจะขายบ้านหลังเก่าของเขา

Future Continuous Tense
รูปประโยค Subject + will + be + Ving
วิธีใช้ ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและทราบเวลาที่แน่นอน

I will be flying to Phuket at 8.30 on next Monday.
ฉันจะกำลังบินไปภูเก็ตตอน 8.30 ในวันจันทร์หน้า
(กำลังอยู่บนเครื่องแล้วตอน 8.30)

Future Perfect Tense
รูปประโยค Subject + will + have + V3
วิธีใช้
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะสิ้นสุดลงในอนาคตโดยทราบที่แน่นอน
2. เหตุการณ์อย่างหนึ่งจบลง เมื่อมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น

We will have finished this project by the end of this month.
พวกเขาจะทำโครงการนี้เสร็จก่อนสิ้นเดือนนี้

She will have slept for 4 hours by 9 o'clock.
เขาจะนอนครบ 4 ชั่วโมงพอดีเมื่อถึง 9 โมง

The baby will have slept already by the time he reaches home.
เด็กน้อยคงหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะมาถึง

Future Perfect Continuous Tense
รูปประโยค Subject + will + have + been + Ving
วิธีใช้ ใช้เช่นเดียวกับ Future Perfect Tense
แต่เป็นการเน้นให้เห็นถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง

She will have been sleeping for 4 hours by the time he arrives
เธอคงนอนหลับได้ 4 ชั่วโมงแล้ว ตอนที่เขามาถึง



คนไทยมักมีปัญหากับการใช้ Tense ในภาษาอังกฤษ เพราะภาษาไทยไม่มีการผันกิริยาไปตามกาลเวลาเหมือนภาษาอังกฤษ เช่น เมื่อวานนี้ไปกินข้าวกับเจ้านายมา วันพรุ่งนี้ฉันก็จะไปกินข้าวกับเจ่านายเหมือนเดิมในภาษาไทยไม่ว่าจะ กินในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็ยังคงใช้คำว่า กิน แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะมีกิริยา 3 ช่อง ให้เลือกใช้ว่าจะ eat ate eaten เพราะฉะนั้นในการใช้ภาษาอังกฤษ เราควรแปลเป็นภาษาไทยให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ระบบที่คนไทยส่วนใหญ่คิดคือ มีภาษาอังกฤษมาก็พยายามทำให้กลายเป็นภาษาไทยจนบางครั้งไม่คงความหมายเดิมอยู่เลย การคิดเป็นภาษาไทยแล้วนำกลับมาแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกทีกว่าจะหลุดออกมาเป็นภาษาอังกฤษต้องผ่านหลายขั้นตอน ผลที่ออกมาคือ ความหมายที่ได้มาบิดพลิ้วไปจากเดิมไม่เป็นธรรมชาติ ทางที่ดีที่สุดการใช้ภาษาใดก็ตามไม่ใช้เพียงแค่ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เราควรคำนึงและยึดหลักการเดิมของต้นฉบับจากภาษานั้นๆไว้ให้ได้มากที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น