การฝึกทักษะ...นอกห้องเรียน
ทักษะการฟัง
5 : (01/09/2015)
ปัญหาด้านคุณภาพมาตรฐานในเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษจะไม่เกิดขึ้นหรือถ้าหากเกิดขึ้นก็แค่เพียงส่วนน้อย
ถ้าหากผู้เรียนไม่เพียงแต่โทษบุคคลอื่นหรือโทษสิ่งรอบข้าง แต่รู้จักหันย้อนกลับมามองตัวเองว่าตัวเองมีความบกพร่องในด้านใดบ้างที่ต้องปรับปรุงแก้ไข
และต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอย่างไร
สิ่งสำคัญที่ผู้เรียนควรปฏิบัติคือการพึ่งพาตนเองในการทำสิ่งต่างๆตลอดจนในการเรียนภาษาอังกฤษจนสัมฤทธิผล
ซึ่งจะต้องมีการดำเนินงานอย่างเป็นแบบแผน
เริ่มตั้งแต่การกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายว่าสิ่งที่ผู้เรียนทำผู้เรียนจะให้เกิดผลอย่างไรบ้าง
จากนั้นก็รู้จักเตรียม และแสวงหาแหล่งความรู้
ซึ่งจะต้องหาแหล่งความรู้ที่หลากหลายและตรงกับความต้องการและสิ่งที่ผู้เรียนต้องการจะพัฒนา ต่อจากนั้นสามารถพัฒนากลยุทธ์การเรียน
ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นวิธีการที่ดีมาก
เพราะมีการเริ่มตั้งแต่การศึกษาทั้งความรู้ที่สำคัญที่ทุกคนควรรู้ ได้แก่
ศัพท์และไวยากรณ์
และความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของภาษา
รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมของชนชาติเจ้าของภาษา ถ้าหากผู้ฝึกมีความตั้งใจและฝึกฝนอย่างจริงจัง
ต่อไปเป็นการสังเกต ผู้เรียนภาษาที่ดีก็จะต้องเป็นคนช่างสังเกตว่า ไวยากรณ์
มีโครงสร้างอย่างไร มีการเรียงลำดับคำอย่างไร
การท่องจำในเรื่องหรือบทเรียนที่ผู้เรียนต้องการอยากจะรู้
การจดจำอาจจะบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ต่อด้วยการเลียนแบบภาษาและการใช้ภาษาจากบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับตัวผู้เรียน
เมื่อรู้จักเลียนแบบแล้วก็รู้จักนำมาดัดแปลงให้ดีขึ้นตามวัตถุประสงค์และสถานการณ์ต่างๆ
เมื่อรู้จักเลียนแบบแล้วก็ควรมีการวิเคราะห์ว่ามีความถูกต้อง
สมบูรณ์มากน้อยเพียงใด จากนั้นก็มีการค้นคว้าหาความรู้ตามแหล่งข้อมูลต่างๆเพื่อการลงมือปฏิบัติจริงในขั้นการใช้งานเพราะตอนต้นเป็นการรวบรวมข้อมูลและความพร้อมต่างๆ
ฉะนั้นในขั้นนี้คือการนำความรู้ที่ได้รับ
ได้ฝึกฝนมาทดสอบว่าได้รับความรู้ดังกล่าวที่ได้เรียนรู้มานั้นมีเพียงพอหรือไม่
หากมีข้อบกพร่องตรงจุดใดก็จะมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อหาโอกาสทดสอบใหม่เพื่อการพัฒนาที่ดีขึ้น
ซึ่งจากการที่ดิฉันได้สำรวจตนเองแล้วพบว่า
ดิฉันยังอ่อนทักษะทางภาษาในทุกด้านที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงและพัฒนา
ซึ่งดิฉันได้ตัดสินใจเริ่มพัฒนาทักษะจากการฟัง
เพราะการฟังเป็นพื้นฐานทางการฝึกทักษะทางภาษาและนำไปสู่การฝึกทักษะอื่นๆต่อไป
ภายในเวลา 1 สัปดาห์ดิฉันได้เริ่มฝึกทักษะนี้เป็นครั้งแรก
ตั้งแต่วันที่ 1-7 กันยายน 2558 ดังต่อไปนี้
1
กันยายน 2558 เริ่มจากการฟังบทสนทนาง่ายๆ
ที่มี ชื่อว่า การฟังเพื่อฝึกแยกเสียงที่คล้ายกัน เป็นบทเรียนแบบอัตโนมัติมีหน้าตาคล้ายกับแบบฝึกหัดในหนังสือ
มีทั้งหมด 10 ข้อ แต่ละข้อจะมีไฟล์เสียงและให้เรากดปุ่มฟัง
ในขั้นแรกดิฉันเลือกบทเรียนที่อยู่ในระดับ1 พื้นฐานมาเลยเพราะต้องการจะฝึกจากง่ายๆก่อน
แล้วค่อยไปยากกว่าเดิมตามทฤษฎีที่ดิฉันได้ค้นเจอในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งเป็นการให้คำแนะนำโดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กลับมาสู่แบบฝึกหัดอีกครั้งนะค่ะ ปุ่มเล่นเสียงในบทเรียนออนไลน์นี้กดฟังได้ตามความต้องการเมื่อกี่ครั้งก็ได้
เมื่อฟังจนมั่นใจแล้ว ด้านหลังจะเป็นกล่องข้อความให้เราพิมพ์คำตอบที่เราได้ยินจากเสียงนั้นว่าเป็นคำศัพท์คำอะไร
ให้เราพิมพ์ตามที่เราได้ยิน เมื่อทำอย่างนี้ครบทั้ง10ข้อแล้ว
ด้านล่างจะมีปุ่มกด ตรวจคำตอบอัตโนมัติและบอกคะแนนให้ทราบ
ในครั้งที่ดิฉันตรวจคำตอบดิฉันสามรถทำคะแนนได้เพียง4 ใน10ข้อ ทำให้ดิฉันยิ่งตระหนักว่าทักษะ ทางด้านการฟังของดิฉันไม่ดีเอาเสียเลย
ดิฉันใช้เวลากับการฝึกอยู่กับบทเรียนนี้ประมาณ 1ชั่วโมง ตรวจคำตอบทั้งหมด
7 ครั้ง ครั้งสุดท้ายดิฉันทำได้คะแนน 7
ใน10 ถือว่าคะแนนดีขึ้นหลังจากที่ฟังหลายๆรอบ
แต่ในการใช้บทเรียนนี้เราต้องใจแข็งตรงที่ถ้าทำผิด เราห้ามกดปุ่มเฉลยคำตอบเด็ดขาด
นั่นถือว่าเราไม่ซื่อสัตย์กับการฝึกของตัวเอง
ดิฉันถือว่าพอใจในคะแนนระดับหนึ่งแต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควรเพราะว่า
บทเรียนนี้เป็นเพียงแค่บทเรียนระดับ1 เอง
อย่างไรก็ตามดิฉันรู้สึกว่าการฝึกทักษะยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาให้กับการเรียนรู้
เพราะฉะนั้นดิฉันจะใจร้อนไม่ได้ [acceptable, rhyme, possible, schedule,
bargain, argument, believe, bicycle, equipment, challenge] และนี้คะ
คือหน้าตาของคำศัพท์ที่ดิฉันได้ฝึกฟังจากบทเรียนนี้
ดิฉันได้แนบที่อยู่เว็บไซต์บทเรียนนี้ไว้ด้านล่างนี้ด้วยคะ จากผลการตรวจคะแนนในครั้งแรกทำให้ดิฉันยิ่งตระหนักว่าทักษะทางด้านการฟังของดิฉันไม่ดีเอาเสียเลย
ดิฉันใช้เวลากับบทเรียนบทนี้อยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง
โดยทำซ้ำๆกดปุ่มฟังเสียงแล้วพิมพ์คำตอบ http://www.learnenglishfeelgood.com/listening/english-spelling-practice1.html
วันจันทร์ ที่ 7 กันยายน 58 ตามคาบเรียนของวันจันทร์
ตอนช่วงบ่ายเป็นคาบเรียนวิชาการศึกษาวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาโดย อาจารย์ Chuck
อาจารย์สอนเกี่ยวกับเทศกาลวัน Halloween และเปิดการ์ตูนเรื่อง
ghost house ตัวละครในการ์ตูนดำเนินเรื่องโดยพูดเป็นภาษาอังกฤษ
การได้ดูการ์ตูนถือเป็นการฝึกพัฒนาทักษะโดยบังเอิญ
การ์ตูนเรื่องนี้มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง
เสียงของคนที่พากย์การ์ตูนเรื่องนี้อาจเป็นเด็กและพูดน่าฟัง
ทำให้ดิฉันตั้งใจฟังอย่างไม่น่าเบื่อ
และด้วยความที่เป็นการ์ตูนเหมาะกับเด็กจึงทำให้ภาษาในการ์ตูนไม่ยากนัก
ดิฉันยอมรับเลยว่าดิฉันไม่อาจฟังละเข้าใจในทุกคำที่ได้ยินได้ คำบางคำที่ได้ยิน
ดิฉันรู้สึกว่าคุ้นหูแต่กลับนึกไม่ออกว่าแปลว่าอะไร
กว่าจะนึกคำศัพท์คำนี้อยู่การ์ตูนก็พูดมาอีกยาวมากมายฟังไม่ทันแปลไม่ออกกันเลยทีเดียว
แต่โดยส่วนใหญ่ที่ดิฉันได้ฟังและได้ดูด้วยตา ทำให้ดิฉันเข้าใจในสิ่งที่ตัวละครในเรื่องต้องการจะสื่อ
จากการเข้าใจความหมายของคำศัพท์บางคำ และนำมาปะติดปะต่อจนเข้าใจการ์ตูนทั้งเรื่อง
และก็สามรถสนุกไปกับการฟังภาษาอังกฤษได้อย่างไม่น่าเบื่อเลย
แต่ดิฉันก็ต้องยอมรับอีกว่าทักษะการฟังภาษาอังกฤษของดิฉันยังไม่ดีถึงขั้นจะสามรถดูหนังและเข้าใจได้ในสิ่งที่ตัวละครพูดทั้งหมด
ดิฉันอาจจะต้องไปฝึกทักษะการฟังขั้นพื้นฐานอย่างเดิมเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก
การพัฒนาทักษะไม่ว่าจะเป็นทักษะใดล้วนต้องใช้ความพยายาม
และความอดทนเป็นที่ตั้ง ยิ่งการพัฒนาทางด้านการฟังแล้วยิ่งต้องใช้ความอดทนสูง เพราะทักษะการฟัง
ผู้ฟังจะต้องใช้สมาธิใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก
ถ้าผู้ฟังไม่สามารถฟังจับใจความอะไรได้
ก็เท่ากับการสื่อสารล้มเหลวและเป็นเรื่องที่ยากที่จะต่อยอดหรือพัฒนาทักษะทางด้านอื่นๆ
ซึ่งเป็นทักษะทางด้านการพูดแล้วละก็ต้องมีพื้นฐานทางการฟังที่ดี เพราะต้องอาศัยการฟังแล้วนำมาเลียนแบบสำเนียงที่ได้ยิน
ถ้าหากเราฟังไม่ออกแล้วเราจะสามารถเลียนแบบสำเนียงจากเจ้าของภาษาได้อย่างไร
ยิ่งปัจจุบันทักษะทางด้านภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากไปกว่านั้น คือ
มีความจำเป็นที่จะต้องพบเจออย่างหลีเลี่ยงไม่ได้ การที่เรารู้จักตนเองยอมรับในจุดด้อยแล้วพยายามหาวิธีแก้ปัญหาเพื่อพัฒนาในสิ่งที่เป็นข้อด้อยของตัวเองแล้ว
เรื่องที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของผู้ที่ตั้งใจฝึกภาษาอังกฤษ
และพึงระลึกให้ได้อยู่เสมอเลยว่าความสำเร็จทุกประการล้วนมาจากความพยายามมุ่งมั่น
เอาชนะใจตัวเอง แล้วเราจะถึงเส้นชัยได้อย่างสวยงาม
http://www.learnenglishfeelgood.com/listening/english-spelling-practice1.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น