Learning
Log
5
: (08/09/2015)
Adjective
Clause & Adjective Phrase
ทำไมเวลาเรียนภาษาอังกฤษ
หรือแม้แต่ภาษาอื่นๆ จึงต้องเรียนไวยากรณ์ควบคู่กันไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้น
ยังมีผู้แย้งว่า
สุภาพสตรีที่ประกอบอาชีพพิเศษหรือคนขับรถรับจ้างหลายคนไม่เคยได้เรียนเรื่องไวยากรณ์
ก็ยังสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ข้อนี้ก็จริงอยู่ แต่ก็เชื่อผมเถอะครับว่า
ถ้าปราศจากความรู้ความเข้าใจเรื่องไวยากรณ์เสียแล้วละก็
การที่เขาจะใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นย่อมเป็นไปได้ยากยิ่งนอกจากนี้
ก็ยังมีผู้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า แล้วฝรั่งที่เขาไม่รู้เรื่องไวยากรณ์เลยก็ยังพูดหรือฟังภาษาอังกฤษได้ดีเหมือนฝรั่งคนอื่นๆ
เหมือนกัน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น คำตอบก็คือว่า
ก็เพราะเข้าได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ แต่ก็อีกนั้นแหละ
ถ้าไม่มีความรู้เรื่องไวยากรณ์เลย เขาก็คงใช้ภาษาของเขาเองได้ไม่ค่อยดีเหมือนกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้ว ไวยากรณ์ คืออะไร คำตอบก็คือ ไวยากรณ์ คือ ระเบียบของภาษา ว่าทำไมเจ้าของภาษาจึงใช้Tense
นี้หรือรูปแบบประโยคอย่างนี้
การอ่านและการฟังจะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันทำให้คุณมีวัตถุดิบที่ถูกต้องและเพียงพอเมื่อต้องพูดและการเรียนรู้แบบนี้ทำให้ได้รูปแบบประโยคที่เจ้าของภาษาใช้จริงๆ
อย่างเป็นธรรมชาติเมื่อผ่านกระบวนการใส่วัตถุดิบอย่างเพียงพอและถูกต้องแล้วเมื่อต้องพูดคุยก็จะมีข้อมูลอย่างเพียงพอเพื่อจะพูด
ดิฉันตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของการเรียนหลักไวยากรณ์เป็นอย่างยิ่ง
ดิฉันจึงได้ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างหลักไวยากรณ์ ในเรื่องของ Adjective
Clause และ Adjective Phrase ซึ่งดิฉันได้ลองหาตัวอย่างมาอย่างละ
5 ข้อ และแปลข้อความเหล่านี้ตามที่อาจารย์ได้รับมอบหมายไว้
Adjective Clause
1.
The student whom I admire won a scholarship to study abroad.
นักเรียนที่ผมยกย่องชมเชยคนนั้น
ได้รับทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ
2.
There are also Americans who thrive on violence in the media.
ชาวอเมริกันผู้ที่เติบโตบนสื่อกลางความรุนแรง
3.
The snake which crept into a hole is called "cobra”.
งูตัวที่เลื้อยเข้าไปในรู
เราเรียกว่า "งูเห่า"
4.
The man who came to our house yesterday.
นั่นคือผู้ชายคนที่มาบ้านเราเมื่อวานนี้)
5.
The perfect lady who is studying medicine lives in London.
หญิงสาวเพียบพร้อมผู้ที่กำลังเรียนแพทย์อาศัยอยู่ที่ลอนดอน
Adjective Phrase
1.
really beautiful.
สวยงามจริงๆ
2.
dark chocolate brown.
ช็อกโกแลตเข้มสีน้ำตาล
3.
older than me.
แก่กว่าฉัน
4.
extremely expensive.
แพงสุดขีด
5.
smarter than me.
เท่ห์กว่าฉัน
ไวยากรณ์มันเป็นส่วนที่แทรกซึมอยู่ในทุกทักษะของภาษาอังกฤษส่วนการพูดเป็นกระบวนการ
Output
ที่ต่อยอดมาจากกระบวนการ Input ซึ่งรวมถึงการฟังและการอ่าน
การฟังเพื่อให้เรารู้การถามแบบนี้ต้องตอบอย่างไร
รูปแบบประโยคที่ฝรั่งพูดกันเป็นอย่างไร ออกเสียงอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากภาษาอังกฤษ
ไม่ใช่ภาษาแรกของเราคงไม่สามารถเข้าใจได้ทุกคำที่เจ้าของภาษาพูดการอ่านจากบทสนทนา
ที่กำลังฟังจะทำให้รู้รูปประโยคที่ถูกต้อง
และพร้อมกับการฟังจะทำให้รู้ว่าการออกเสียงของแต่ละคำ หรือการออกเสียงรูปประโยค
การเชื่อมเสียง การเน้นเสียงสูงเสียงต่ำ
และนอกจากนี้ยังซึมซาบไวยากรณ์ทางอ้อมจากบทสนทนาด้วย
ส่วนการพูดคล่องนั้นต้องมาจากการฝึกฝนการพูดและกระบวนการฟังไปพร้อมกัน
การพูดที่ดีควรมาจากกระบวนการคิดและวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
การฟังที่ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้เข้าใจที่คู่สนทนาพูดเมื่อจะพูดเมื่อผ่านกระบวนการคิดในเนื้อหาที่จะตอบ
การสื่อสารเป็นประโยคที่ถูกต้องจาก input ที่สะสมมาบวกกับการออกเสียงที่ถูกต้องจะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ
แต่ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนและกระทำบ่อยๆ ให้เกิดเป็นความเคยชินหรือทักษะ
http://examples.yourdictionary.com/adjective-phrase-examples.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น