การฝึกพัฒนาทักษะ..นอกห้องเรียน
18/08/2015
เคล็ดลับการฝึกพูดภาษาอังกฤษ
ปัญหาใหญ่สำหรับคนที่กำลังหัดพูดภาษาอังกฤษ
ที่ฝรั่งมักจะเรียกว่าเป็นอาการ “mental
blocks” คือมีบางสิ่งในจิตใจที่ขัดขวางทำให้ไม่สามารถเข้าใจหรือทำอะไรบางอย่างได้
กลัวว่าจะพูดผิด อายถ้าพูดประโยคภาษาอังกฤษได้ไม่สมบูรณ์แบบและไม่ถูกต้อง
ตามหลักไวยากรณ์ ที่ท่อง ลองนึกภาพ คนๆ หนึ่งพูดว่า “Yesterday I go to party in
beach.” ซึ่งประโยคนี้ผิดหลักไวยากรณ์แน่ๆ
ที่ถูกต้องคือ “Yesterday
I went to a party on the beach.” แต่ทั้งสองประโยคกลับสื่อสารได้ความเดียวกันว่า
“เมื่อวานฉันไปปาร์ตี้ที่ชายหาดมา” ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งร้ายแรง
ก็แค่ลองใหม่แก้ไขไปเรื่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ อย่าอายถ้ามันจะผิดพลาดหรือไม่ถูกหลักไวยากรณ์ อยากพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเราต้องเริ่มฟังกันไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาภาษาอังกฤษ
หรือจะดูหนัง ฟังเพลง เลือกแบบที่เราชอบได้เลย
สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษเลยควรเริ่มจากการฟังบทสนทนาง่ายๆ ก่อน
จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับสำเนียงของเจ้าของภาษา
และยังได้เรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการพูดทั่วๆ ไปด้วย ต่างจากการดูหนัง
หรือฟังเพลงภาษาอังกฤษ เพราะอาจจะมีการใช้คำยากๆ
ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาดีพอ แทนที่จะได้ฝึกการฟังกลับต้องมาคอยเปิด พจนานุกรม ตีความหมายแทน ก่อนที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ต้องมีการซ้อม
การเตรียมความพร้อม ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีคลังคำศัพท์มากพอหรือยัง? เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถสื่อสารหรือพูดภาษาอังกฤษได้นั้นเพราะเราไม่รู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเลยไม่รู้ว่าจะตอบฝรั่งชาวต่างชาติได้อย่างไร
ท่องจำกันตั้งแต่เล็กจนโตก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง
ถึงเวลาจริงก็นึกไม่ออกไม่รู้จะหยิบคำไหนมาใช้
ลองหันมาใช้วิธีการเรียนรู้คำศัพท์เป็นภาพ และเรื่องราวแทนการจดคำศัพท์เป็นลิสต์ยาวๆ
พร้อมคำแปล ลองเปลี่ยนมาเป็นการเรียนรู้คำศัพท์แบบเป็นวลี ไม่จำเป็นคำๆ
เวลาที่เจอคำศัพท์ใหม่ๆ ให้จดลงในสมุดโน้ต พร้อมกับวลีสั้นๆ จะทำให้การพูดและหลักไวยากรณ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
เคล็ดลับที่จะทำให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างง่ายดายนั่นก็คือ
การเรียนรู้ทุกคำ และทุกวลีอย่างลึก (Deeply)
ไม่ใช่แค่เรียนรู้ความหมาย
ไม่ใช่แค่จำเพื่อไปทำข้อสอบ แต่จะต้องเรียนรู้มันอย่างลึกซึ้ง ลึกลงไปในสมอง
การพูดภาษาอังกฤษให้ได้ง่ายต้องทำซ้ำหลายๆ ครั้ง ในแต่ละบทเรียน ตัวอย่างเช่น ถ้ามีหนังสือบทสนทนาภาษาอังกฤษ
1 เล่ม ในบทแรกให้ฟัง 30 ครั้ง ก่อนที่จะผ่านไปบทที่ 2 โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ครั้งในแต่ละวัน ให้ทำแบบนี้ไปจนครบ 10 วัน ต่อหนึ่งบท ฟังจนฝังลึกลงไปในสมอง
ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไปขอเพียงตั้งใจจริง สาเหตุที่คนไทยส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้ว่าอาจจะฟังออกก็ถาม
นั่นก็คือ การแปลประโยคต่างๆ เป็นภาษาไทยก่อนตอบ
ซึ่งการพูดได้อย่างเป็นอัตโนมัติคือ ฟัง-คิด-พูด ต้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
โดยไม่มีการแปลเป็นไทยในหัว เพราะฉะนั้น เราควรพยายามแปลเป็นไทยให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ระบบที่คนไทยส่วนใหญ่คิดคือ ฟังภาษาอังกฤษเข้าหูปุ๊บมาแปลเป็นไทย คิดคำตอบภาษาไทย
แล้วแปลตอบออกไปเป็นภาษาอังกฤษอีกที
ซึ่งกว่าจะหลุดคำตอบออกมาได้ต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่าง ผลคือพูดออกมาแบบตะกุกตะกัก
ไม่ไหลลื่นและเป็นธรรมชาติ วิธีการเรียนภาษาที่ถูกต้องก็คือ
ต้องพยายามแปลให้น้อยที่สุดหรือไม่แปลเลยได้ยิ่งดี
เน้นความเข้าใจความหมายเป็นภาพของมันจริงๆ
เรียนรู้ที่จะคิดให้เป็นภาษาอังกฤษหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้นั่นก็คือ
“การคิดให้เป็นภาษาอังกฤษ” อีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่ในการเรียนรู้
และจะทำให้คุณพูดได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องอายถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา
เพราะไม่มีใครรู้!!!! โดยคุณสามารถทำตามกระบวนการและขั้นตอนได้ ดังนี้
1 : คิดคำศัพท์ภาษาอังกฤษในแต่ละวัน
เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าให้คิดคำศัพท์ขึ้นมา 1
ชุด เช่น
bed, toothbrush, bathroom, eat, banana,
coffee, clothes, shoes
หรือถ้าคุณกำลังนั่งทำงานอยู่ก็คิดถึงคำศัพท์ขึ้นมาอีก
1 ชุด
car, job, company, desk, computer, paper,
pencil, colleague, boss
2 : ลองเอาคำศัพท์มาแต่งให้เป็นประโยค
เมื่อกำลังนั่งกินอาหารกลางวันอยู่
คิด…
• I’m eating a sandwich.
• My
friend is drinking soda.
• This
restaurant is very good.
ขณะที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ คิด…
• That actress is beautiful.
• The
journalist has black hair.
• He’s
talking about politics.
3 : สุดท้ายจินตนาการประโยคภาษาอังกฤษทั้งหมดให้เป็นเรื่องราวขึ้นมาในหัวของคุณ
โดยให้คิดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เช่นในขณะที่ออกกำลังกาย หรือกำลังรอรถเมล์
ให้ลองนึกบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ บอกเล่าเรื่องราวในหัวให้เป็นภาษาอังกฤษ จะรู้สึกผ่อนคลาย
เพราะนี่เป็นเพียงความคิด ยังไม่ได้พูดจริงๆ
พูดด้วยคำศัพท์ที่แตกต่าง
ดูดีมีความคิดสร้างสรรค์
สองอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้การพูดภาษาอังกฤษดูไม่คล่องแคล่วมั่นใจ นั่นก็คือ “ไม่รู้ศัพท์ และ การหยุดหรือลังเล” ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มักมาพร้อมกันเสมอ
หลายครั้งที่คุณพูดภาษาอังกฤษแต่นึกคำศัพท์ไม่ออก
นั่นก็เป็นอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เออๆ อ่าๆเพราะมัวแต่คิดถึงคำศัพท์ที่เคยท่องไว้
คราวนี้เราลองมาเปลี่ยนวิธีใหม่ ถ้านึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร
ลองหาคำอื่นมาอธิบายขยายความเอาก็ได้ ถ้าจะบอกว่า “หัวหอม” ภาษาอังกฤษคือ “onion” แต่นึกคำศัพท์ไม่ออกก็ให้อธิบายไปว่า
“the white
vegetable that when you cut it you cry” นี่เป็นคำบรรยายที่เข้าใจได้
ว่าสิ่งที่คุณกำลังจะสื่อสารหมายถึงอะไร รวมไปถึงคำศัพท์อื่นๆ
ที่จะใช้แทนกันได้ในภาษาอังกฤษ เช่น การกล่าวทักทาย ที่นอกจาก “hello” แล้วมีคำว่าอะไรบ้าง หรือการกล่าวลา
วลีของการล่ำลาในภาษาอังกฤษนั้นก็มีมากมายหลายสถานการณ์ด้วยกัน
เปลี่ยนสภาพแวดล้อมของคุณให้เต็มไปด้วยภาษาอังกฤษ ถือเป็นการฝึกฝนไปในตัว
แต่ถ้าจะให้ง่ายและรวดเร็วที่สุดนั่นก็คือ “พยายามหาเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติ” นอกจากจะได้เพื่อนแล้ว เรายังได้ฝึกภาษาด้วย
ที่สำคัญเพื่อนชาวต่างชาตินี่แหละที่จะช่วยแก้ไขคำผิด ทั้งคำศัพท์ รูปประโยคและหลักไวยากรณ์ต่างๆ
พยายามหาเพื่อนฝรั่งคุยแชทบ้าง คุย Skype บ้าง เพื่อเป็นการฝึกภาษาและฟังสำเนียงที่ถูกต้องนั่นเอง
ควรใช้ภาษาอังกฤษทุกวันๆ ละ 10 นาที และจะดีมากๆ ถ้าใช้ภาษาอังกฤษมากกว่า
1 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์
แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ
แต่ก็ยังมีวิธีอีกมากมายที่จะทำให้ภาษาอังกฤษมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวัน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักมีความกังวลอย่างมากที่จะพูดภาษาอังกฤษออกมา
ความกังวลจะทำให้รู้สึกอึดอัดและพูดไม่ได้สักที “การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าความสมบูรณ์แบบ” แต่จะดีกว่าถ้าเราสมารถสื่อสารได้อย่างไร้ความกังวลและมันสมบูรณ์แบบเองในที่สุดเมื่อพยายามมันบ่อยๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น