The
Prison of Zenda
(นักโทษแห่งเซนดา)
ตอนที่ 2-13
ตอนที่
2
สีผมของชายหนุ่ม
ระหว่างทางไปยัง รูริทาเนีย ผมได้ตัดสินใจนอนค้างคืนที่ ปารีส กับเพื่อนๆ ในวันรุ่งขึ้นเพื่อนได้ตามผมไปยังสถานีรถไฟด้วย ในขณะที่พวกเรารอรถไฟอยู่นั้นเอง พวกเราได้มองดูกลุ่มคนซึ่งเดินกันพลุกพล่าน หนึ่งในนั้นเราสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งหล่อนทั้งสูง ผิวคล้ำ และแต่งกายทันสมัย และเพื่อนผมก็ได้บอกกับผมว่าหล่อนเป็นใคร “ เธอคือ มาดาม แอนโทเนต เดอ มองเบอร์ เธอโดยสารรถไฟขบวนเดียวกับนายนั่นแหละ แต่อย่าไปตกหลุมรักหล่อนล่ะ ”
“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ”
ผมถาม
“ เออ
” เพื่อนผมเริ่มพูดขึ้น
“ คนในปารีสทุกคนรู้กันทั้งนั้นว่า
เธอเป็นคนรักของ
ดยุค
ไมเคิล
แห่ง
เสตรลซอร์
อย่างทีนายรู้
ว่าเป็นถึงพี่น้องต่างมารดากับกษัตริย์พระองค์ใหม่แห่ง
รูริทาเนีย
ถึงแม้ว่า
ท่านจะเป็นเพียงลูกชายคนที่สอง
และไม่มีวันที่จะขึ้นครองราชย์ได้ก็ตาม
ท่านก็ยังคงเป็นบุคคลสำคัญและเป็นที่ชื่นชมมาก
ฉันได้ยินมาว่า
แทบจะทุกคนใน
รูริทาเนียเลย
มาดาม
แอนโทเนต
ผู้น่ารัก
ไม่มีวันที่มองแกเป็นครั้งที่
สอง
แน่นอน
รูดอล์ฟ
”ผมหัวเราะ
แต่คำพูดของเขากลับกระตุ้นความสนใจเรื่องผู้หญิงของผมขึ้น
ผมไม่ได้พูดกับเธอสักคำระหว่างการเดินทาง
และเมื่อพวกเราถึง
รูริทาเนีย
ผมลงรถไฟที่
เซนดา
เมืองเล็กๆ
ซึ่งห่างจากเมืองหลวง
แต่ผมสังเกตเห็น
มาดาม
แอนโทแนต
ว่าเธอ
ไปต่อยังเมืองหลวง
เสตรลซอร์ ผมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่โรงแรมที่ผมพัก
ซึ่ง เป็นของหญิงชราร่างอวบและลูกสาวที่น่ารักของเธอ
ผมได้ทราบจากพวกเธอว่า
พิธีราชาภิเษก
จะมีขึ้นในวันมะรืนนี้
และไม่ใช่ภายใน
3
อาทิตย์ เจ้าของโรงแรมให้ความสนใจในตัว
ดยุค
ไมเคิล
แห่ง
เสตรลซอร์
มากกว่า
พระราชาพระองค์ใหม่
ปราสาทในเซนดาและพื้นที่โดยรอบทั้งหมดล้วนเป็นของ
ท่านดยุค
แต่หญิงชรากลับเอ่ยขึ้นว่า
“ มันไม่เพียงพอ ดยุคไมเคิล
ต่างหากที่สมควรที่จะเป็นพระราชาองค์ต่อไป
ท่านได้ใช้เวลาทั้งหมดของท่านกับประชาชนอย่างพวกเรา
คนรูริทาเนียน
ทุกคน
รู้จักท่าน
“แต่พวกเราไม่เคยแม้แต่จะเห็นพระพักตร์ของกษัตริย์พระองค์ใหม่เลยสักครั้ง
” แต่ลูกสาวของเธอกลับพูดว่า
“ ไม่ล่ะ
ฉันเกลียด
ไมเคิลผมดำ
เพื่อนของฉัน
โจฮัน
เคยพูดไว้ว่า
ต้องการพวก
เอล์ฟสเบิร์ก
ผมแดงและกษัตริย์หนุ่มเท่านั่น โจฮันเองทำงานให้กับ
ท่านดยุค
และ
ยังเคยพบพระราชาอีกด้วย
อันที่จริงตอนนี้
พระองค์ทรงประทับอยู่นอกเซนดา
” เธอกล่าวเสริม
“ พระองค์ทรงพักผ่อน
ที่คฤหาสในป่า
ของท่านดยุค
ก่อนที่จะเสด็จไปยัง
เสตรลซอร์
ในวันพุธเพื่อร่วมพิธีราชาภิเษก
ส่วนท่าน
ดยุค
นั้นอยู่ที่
เสตรลซอร์
นานแล้ว
เพื่อเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม
”
“ ทั้งสอง เป็นสหายกันหรือ ” ผมถาม “ เพื่อนที่ปรารถนาตำแหน่งและผู้หญิงคนเดียวกัน นะสิ” สาวน้อยน่ารักตอบ
“ ทั้งสอง เป็นสหายกันหรือ ” ผมถาม “ เพื่อนที่ปรารถนาตำแหน่งและผู้หญิงคนเดียวกัน นะสิ” สาวน้อยน่ารักตอบ
“ ท่าน
ดยุค
ต้องการจะแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง
เจ้าหญิง
ฟลาเวีย
แต่ผู้คนต่างพูดว่า
เธอจะเป็นภรรยาของกษัตริย์
รูดอล์ฟ
และเป็นองค์ราชินีองค์ต่อไป
” ตอนนั้นเองที่เพื่อนของพวกเขา
โจฮัน
ก้าวเข้ามาในห้อง
“ พวกเรามีแขกล่ะ
โจฮัน
” หญิงชราพูดขึ้น เป็นเวลาเดียวกับที่โจฮันหันมาทางผม
แต่เมื่อเขาเห็นผม
เขากลับถอยหลัง
พร้อมด้วยความกังวลบนสีหน้า
“
เป็นอะไรไป
โจฮัน
” หญิงสาวถามขึ้น
“ สวัสดีตอนเย็น ครับท่าน ” โจฮันกล่าว แต่ยังคงจ้องมองผม ดูเหมือนเขาไม่พอใจกับสิ่งที่เห็นนัก
หญิงสาวเริ่มเปล่งเสียงหัวเราะ “ คงเพราะสีผมของท่านแน่เลย ” เธออธิบาย
“ สวัสดีตอนเย็น ครับท่าน ” โจฮันกล่าว แต่ยังคงจ้องมองผม ดูเหมือนเขาไม่พอใจกับสิ่งที่เห็นนัก
หญิงสาวเริ่มเปล่งเสียงหัวเราะ “ คงเพราะสีผมของท่านแน่เลย ” เธออธิบาย
“ พวกเราไม่ค่อยเห็นสีผมสีนี้บ่อยนักที่นี่
เพราะมันเป็นสีเดียวกับ
พวกเอล์ฟสเบิร์ก
ไม่ใช่สีที่โจฮันชอบเท่าไร
” วันต่อมาผมตัดสินใจเดินผ่านป่าซึ่งใช้เวลาสองสามไมล์และนั่งรถไฟไป
เสตรลซอร์
จากสถานีเล็กๆระหว่างทาง
ผมส่งสัมภาระโดยรถไฟและหลังจากมื้อกลางวัน
ผมก็เริ่มออกเดินทางโดยเท้า
ผมต้องการเห็นปราสาทแห่งเซนดาเป็นสิ่งแรก
หลังจากนั้นสักครึ่งชั่งโมง
ผมก็ปีนเขาเพื่อไปถึงตัวปราสาท
มีปราสาทสองหลัง
หลังเก่า
ที่มีคูน้ำล้อมรอบตัวปราสาท
และหลังใหม่
ซึ่งตัวอาคารแลดูทันสมัย
ดยุค
ไมเคิล
คงจะให้เพื่อนๆสังสรรค์กับตัวเองที่ปราสาทหลังใหม่
และคงจะพักที่หลังเมื่อต้องการอยู่ลำพัง
น้ำในคูนั้นลึกมาก
หากเขาดึงสะพานขึ้นเหนือคูน้ำ
ไม่มีใครสามารถเข้าถึงตัวเขาได้แน่นอน ผมอยู่ที่นั่นสักพักและมองไปยังปราสาท
หลังจากนั้นก็เดินผ่านป่าเกือบชั่วโมง
มันสวยงามเหลือเกินจนผมต้องลงนั่งเพื่อชื่นชมมัน
ก่อนที่ผมจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมก็เผลอหลับไป
ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งเอ่ยขึ้นมาว่า
ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งเอ่ยขึ้นมาว่า
“ โอ้ว
พระเจ้า
เขาเหมือนพระราชายังกับคนๆเดียวกันไม่มีผิด
”
เมื่อผมลืมตาขึ้น ด้านหน้าผมปรากฏร่างชาย 2 คน หนึ่งในนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ “ขอผมทราบชื่อคุณได้หรือไม่ ” เขาพูดขึ้น
“ ถ้าอย่างั้น ทำไมไม่บอกชื่อพวกคุณกับผมก่อนเล่า ” ผมแย้ง
ชายคนที่ดูเด็กกว่าอีกคนพูดขึ้น “ นี่คือ กัปตัน เซปต์ และผมมีชื่อว่า ฟริทส์ วอน ทาร์เลนเฮม พวกเราทำงานรับใช้กษัตริย์แห่ง รูริทาเนีย ”
“ ส่วนผมคือ รูดอล์ฟ ราเซนดิลล์ “ ผมตอบ “ นักเดินทางจากอังกฤษ พี่ชายของผมคือ ลอร์ด เบอร์เลสดอน ”
“ แน่ล่ะ สีผมนี้ ” เซปต์ร้องขึ้น “ ท่านรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ฟริทส์ ”
ในช่วงนั้นเองมีเสียงหนึ่งร้องออกมาจากต้นไม้หลังพวกเรา “ ฟริทส์ ฟริทส์ เจ้าอยู่ไหน ”
“ นั่นฝ่าบาท ” ฟริทส์เอ่ยขึ้น ขณะที่เซปท์หัวเราะ
เวลานั้นเองที่ชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ ผมส่งเสียงร้อง และเมื่อเขาเห็นผม เขาก็ผงะถอยหลังอย่างฉับพลันด้วยความประหลาดใจ กษัตริย์แห่ง รูริทาเนีย ช่างคล้ายรูดอล์ฟ ราเซนดิลล์ และ รูดอล์ฟ ราเซนดิลล์ ช่างคล้าย กษัติรย์แห่ง รูริทาเนีย อย่างเหลือน่าเชื่อ
พระองค์เงียบไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นจึงตรัสถามขึ้นว่า
เมื่อผมลืมตาขึ้น ด้านหน้าผมปรากฏร่างชาย 2 คน หนึ่งในนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ “ขอผมทราบชื่อคุณได้หรือไม่ ” เขาพูดขึ้น
“ ถ้าอย่างั้น ทำไมไม่บอกชื่อพวกคุณกับผมก่อนเล่า ” ผมแย้ง
ชายคนที่ดูเด็กกว่าอีกคนพูดขึ้น “ นี่คือ กัปตัน เซปต์ และผมมีชื่อว่า ฟริทส์ วอน ทาร์เลนเฮม พวกเราทำงานรับใช้กษัตริย์แห่ง รูริทาเนีย ”
“ ส่วนผมคือ รูดอล์ฟ ราเซนดิลล์ “ ผมตอบ “ นักเดินทางจากอังกฤษ พี่ชายของผมคือ ลอร์ด เบอร์เลสดอน ”
“ แน่ล่ะ สีผมนี้ ” เซปต์ร้องขึ้น “ ท่านรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ฟริทส์ ”
ในช่วงนั้นเองมีเสียงหนึ่งร้องออกมาจากต้นไม้หลังพวกเรา “ ฟริทส์ ฟริทส์ เจ้าอยู่ไหน ”
“ นั่นฝ่าบาท ” ฟริทส์เอ่ยขึ้น ขณะที่เซปท์หัวเราะ
เวลานั้นเองที่ชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ ผมส่งเสียงร้อง และเมื่อเขาเห็นผม เขาก็ผงะถอยหลังอย่างฉับพลันด้วยความประหลาดใจ กษัตริย์แห่ง รูริทาเนีย ช่างคล้ายรูดอล์ฟ ราเซนดิลล์ และ รูดอล์ฟ ราเซนดิลล์ ช่างคล้าย กษัติรย์แห่ง รูริทาเนีย อย่างเหลือน่าเชื่อ
พระองค์เงียบไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นจึงตรัสถามขึ้นว่า
“ กัปตัน……….ฟริทส์………..นี่ใครกัน
”
เซปต์เดินไปยังพระองค์และเอ่ยเงียบๆจนเกือบเป็นกระซิบข้างๆหู ความประหลาดใจของพระองค์ค่อยๆ แปรแปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างขบขัน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะดังขึ้นๆ
เซปต์เดินไปยังพระองค์และเอ่ยเงียบๆจนเกือบเป็นกระซิบข้างๆหู ความประหลาดใจของพระองค์ค่อยๆ แปรแปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างขบขัน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะดังขึ้นๆ
“ ช่างพบกันได้ถูกจังหวะเหลือเกิน
ลูกพี่ลูกน้องข้า
” พระองค์ร้องขึ้น “ จะเดินทางไปยังที่ใดกันเล่า
”
“ ไป เสตรลซอร์ ครับ เพื่อร่วมพิธีราชาภิเษก ”
กษัตริย์หนุ่มมองไปยังสหายของพระองค์ และ ไม่นานหลังจากนั้น สีพระพักตร์ก็กลายเป็นจริงจัง แต่กลับเปลี่ยนเป็นหัวเราะอีกครั้ง “ รอให้ ท่านพี่ ไมเคิล เห็นว่ามีเราถึงสองคน ซะก่อนเถิด” ทรงร้องขึ้น
“ บางที อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนักสำหรับ ท่าน ราเซนดิลล์ ที่จะไป เสตรลซอร์ ” ฟริสท์เอ่ย ด้วยเป็นกังวล และเซปท์เองก็เห็นด้วยกับเขา
“ งั้น เราค่อยคิดถึงพิธีราชาภิเษกพรุ่งนี้ละกัน ” พระองค์ตรัสขึ้น
“ ไป เสตรลซอร์ ครับ เพื่อร่วมพิธีราชาภิเษก ”
กษัตริย์หนุ่มมองไปยังสหายของพระองค์ และ ไม่นานหลังจากนั้น สีพระพักตร์ก็กลายเป็นจริงจัง แต่กลับเปลี่ยนเป็นหัวเราะอีกครั้ง “ รอให้ ท่านพี่ ไมเคิล เห็นว่ามีเราถึงสองคน ซะก่อนเถิด” ทรงร้องขึ้น
“ บางที อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนักสำหรับ ท่าน ราเซนดิลล์ ที่จะไป เสตรลซอร์ ” ฟริสท์เอ่ย ด้วยเป็นกังวล และเซปท์เองก็เห็นด้วยกับเขา
“ งั้น เราค่อยคิดถึงพิธีราชาภิเษกพรุ่งนี้ละกัน ” พระองค์ตรัสขึ้น
“ คืนนี้
พวกเรามาฉลองกัน
มา
น้องชายข้า
”
พวกเราทั้งหมดกลับมายังบ้านในป่าของท่าน ดยุค ที่ซึ่งพวกเรามีมื้อเย็นที่เยี่ยมยอด กษัตริย์หนุ่มทรงร้องพื่อสั่งไวน์เสียงดังลั่น จน กัปตันเซปท์ และ ฟริสท์ ดูเป็นกังวล พระองค์ทรงโปรดการดื่มไวน์มากไปซะแล้ว
“ โปรดทรงอย่าลืมว่า พิธีราชาภิเษก จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้นะ ฝ่าบาท ” เซปท์เอ่ยเตือนขึ้น
แต่ในขณะนี้ สิ่งเดียวที่พระองค์ทรงให้ความสนใจคือความเพลิดเพลินของตัวพระองค์เองเท่า นั้น ดังนั้นพวกเราจึงเพียงดื่มและคุย และดื่มอีก ท้ายที่สุดพระองค์ทรงวางแก้วและตรัสขึ้นว่า “ ข้าดื่มพอแล้ว ”
ด้วยรับสั่งนั้น โจเซฟ คนรับใช้ส่วนพระองค์ก็เข้ามาในห้อง เขาวางไวน์ที่มีอายุและท่าทางจะพิเศษมากขวดหนึ่งลงบนโต๊ะเบื้องหน้าองค์ กษัตริย์หนุ่มและกล่าวขึ้นว่า “ดยุค ไมเคิล มอบไวน์นี้แด่พระองค์และขอให้ทรงดื่มเพื่อแสดงความรักต่อท่าน ขอรับ ”
“ ดีมาก ไมเคิลผมดำ ” ทรงร้องขึ้น
พวกเราทั้งหมดกลับมายังบ้านในป่าของท่าน ดยุค ที่ซึ่งพวกเรามีมื้อเย็นที่เยี่ยมยอด กษัตริย์หนุ่มทรงร้องพื่อสั่งไวน์เสียงดังลั่น จน กัปตันเซปท์ และ ฟริสท์ ดูเป็นกังวล พระองค์ทรงโปรดการดื่มไวน์มากไปซะแล้ว
“ โปรดทรงอย่าลืมว่า พิธีราชาภิเษก จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้นะ ฝ่าบาท ” เซปท์เอ่ยเตือนขึ้น
แต่ในขณะนี้ สิ่งเดียวที่พระองค์ทรงให้ความสนใจคือความเพลิดเพลินของตัวพระองค์เองเท่า นั้น ดังนั้นพวกเราจึงเพียงดื่มและคุย และดื่มอีก ท้ายที่สุดพระองค์ทรงวางแก้วและตรัสขึ้นว่า “ ข้าดื่มพอแล้ว ”
ด้วยรับสั่งนั้น โจเซฟ คนรับใช้ส่วนพระองค์ก็เข้ามาในห้อง เขาวางไวน์ที่มีอายุและท่าทางจะพิเศษมากขวดหนึ่งลงบนโต๊ะเบื้องหน้าองค์ กษัตริย์หนุ่มและกล่าวขึ้นว่า “ดยุค ไมเคิล มอบไวน์นี้แด่พระองค์และขอให้ทรงดื่มเพื่อแสดงความรักต่อท่าน ขอรับ ”
“ ดีมาก ไมเคิลผมดำ ” ทรงร้องขึ้น
“ ดีล่ะ
ข้าไม่กลัวที่จะดื่มไวน์ของเจ้าหรอก
ไม่มีวัน
”
ทรงดื่มทุกๆหยดในขวดจนหมดด้วยองค์เอง ต่อมาศีรษะ ของพระองค์ก็ล้มคว่ำพับไปบนโต๊ะ ไม่นานหลังจากนั้น แม้แต่ตัวผมเอง ก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยสำหรับคืนที่บ้าคลั่งคืนนั้น
ทรงดื่มทุกๆหยดในขวดจนหมดด้วยองค์เอง ต่อมาศีรษะ ของพระองค์ก็ล้มคว่ำพับไปบนโต๊ะ ไม่นานหลังจากนั้น แม้แต่ตัวผมเอง ก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยสำหรับคืนที่บ้าคลั่งคืนนั้น
ตอนที่
3
พระราชาขึ้นครองราชย์
ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไร
แต่เมื่อผมตื่นขึ้น
ผมรู้สึกทั้งหนาวและเปียกโชก
เซปท์กับฟริทส์
ยืนอยู่ตรงหน้ามองมาที่ผม
“ พวกเราจำเป็นต้องปลุกเจ้า”
เซปท์เอ่ยขึ้น
“ มีแต่น้ำเย็นเท่านั้นที่จะปลุกเจ้าได้”
ฟริทส์จับแขนของผมและจับผมหมุนตัว
“ ดูซะ” เขาพูด
ฝ่าบาททรงนอนอยู่บนพื้น
แม้ว่าตอนที่เซปส์ใช้เท้าสะกิดพระองค์
พระองค์ก็ไม่แม้แต่ขยับองค์
“พวกเราพยายาม
ปลุกพระองค์มากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
” ฟริทส์พูดขึ้น “ แต่ทรงบรรทมสนิทอย่างกับคนตาย
”
พวกเราทั้งสามคนได้แต่มองหน้ากันไปมา
“ มันต้องมีอะไรในไวน์ขวดสุดท้ายนั่นแน่
” ผมถามขึ้น
“ ข้าไม่รู้
” เซปท์ตอบ “ แต่ถ้าไม่ทรงเสด็จไปร่วมพิธีราชาภิเษกวันนี้
จะไม่มีพิธีราชาภิเษกสำหรับพระองค์อีกเลย
ประชาชนชาวรูริทาเนีย
ทุกคนล้วนรอคอยพระองค์ที่
สเตรลซอร์
และไมเคิลผมดำพร้อมกับกองทัพกว่าครึ่งเช่นเดียวกัน
พวกเราไม่สามารถบอกกับพวกเขาได้หรอก
ว่าพระราชานั้นทรงเมามากจนไม่สามารถเสด็จร่วมพิธีราชาภิเษกของพระองค์เองได้
”
“ ท่านก็บอกไปว่าทรงประชวรก็ได้
” ผมออกความเห็น
“ ประชวรเหรอ
” เซปท์หัวเราะอย่างฉุนเฉียวในที
“ ทุกคนก็จะรู้น่ะสิว่ามันหมายถึงอะไร
ที่ผ่านมาพระองค์น่ะทรง
ประชวนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตอบผมสิ
ท่านคิดว่ามีใครบางคนใส่อะไรลงไปในไวน์ของพระองค์หรือเปล่า
” ผมถาม
“ เป็นไมเคิลผมดำ!
” ฟริทส์ตอบ “ ใครๆก็รู้ว่ามันต้องการจะเป็นกษัตริย์ซะเอง
”
พวกเราได้แต่เงียบ
และแล้วเซปท์ก็มองมาที่ผม
“ เจ้าต้องไป สเตรลซอร์
แทนพระองค์
”
ผมจ้องตอบเขา
“ ท่านจะบ้าไปแล้วหรือ
ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร
ก็พระองค์…..”
“ มันอันตราย
ข้ารู้
” เป็นเซปท์ที่เอ่ยขึ้นมา
“ แต่พวกเรามีเพียงมางเลือกนี้เท่านั้น
ถ้าท่านไม่ไป
ไมเคิลผมดำก็จะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป
และฝ่าบาทพระองค์จริงคงต้องตายหรือไม่ก็กลายเป็นนักโทษ
”
ถึงขนาดนี้แล้ว
ผมจะปฎิเสธได้อย่างไรกัน
ผมใช้เวลาคิดไตร่ตรองถึงสองนาที
“ ผมจะไป
” ผมพูดขึ้น
“ ดีมาก
ไอ้หนู
” เซปท์ร้องขึ้น เขาพูดต่ออย่างรวดเร็วด้วยเสียงเบา
“ หลังจากพิธีราชาภิเษกเสร็จสิ้นลง
จะมีคนนำพวกเราไปยังพระราชวังเป็นเวลาหนึ่งคืน
เมื่อพวกเราอยู่ตามลำพังแล้ว
ท่านกับข้าจะออกเดินทางและขี่ม้ามารับฝ่าบาทที่นี่
กว่าจะถึงตอนนั้นคงทรงรู้สึกองค์แล้ว
ข้าจะนำฝ่าบาทกลับไป
สเตรลซอร์
และท่านต้องรีบออกนอกประเทศให้เร็วที่สุด
”
“ แล้วจะทำอย่างไรกับพวกทหารล่ะ
” ฟริทส์ถามขึ้น “ พวกนั้นเป็นคนของดยุคไมเคิล
และคงจะตามจับพระองค์กลับ
สเตรลซอร์เพื่อพิธีราชาภิเษกแน่
”
“ พวกเราจะออกเดินทางก่อนที่พวกทหารจะทันมาถึงที่นี่
” เซปท์สรุป “ พวกเราจำเป็นที่จะต้องซ่อนฝ่าบาท
”
เขาอุ้มฝ่าบาทไว้ในลำแขนและพวกเราก็เปิดประตูออก
หญิงชราคนนั้น
คนที่เป็นแม่ของโจฮัน
ยืนอยู่หน้าประตู
หล่อนหันหลังกลับโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เดินกลับไปยังครัว
“ หล่อนได้ยินที่เราพูดกันมั้ย
” ฟริทส์ถาม
“ อย่าวิตกไป
ข้ามั่นใจวาหล่อนจะไม่มีโอกาสได้พูดแน่
” เซปท์พูดก่อนที่จะอุ้มฝ่าบาทออกไป
เมื่อเขากลับมา
เขาบวกพวกเราว่าได้ขังหญิงชราไว้ในห้องใต้ดิน
ส่วนฝ่าบาทกับโจเซฟนั้นได้พาไปซ่อนในอีกห้องหนึ่งใต้ดินเช่นกัน
โจเซฟจะดูแลฝ่าบาทและอธิบายทุกอย่างกับพระองค์หลังจากทรงตื่น
“ไปเถอะ ” เขาพูดต่อ
“ ไม่มีเวลาแล้ว นี่มันก็หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว
”
ไม่นานผมได้เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของฝ่าบาท
ม้าได้ถูกเตรียมไว้พร้อมแล้วเพื่อให้พวกเราออกเดินทางทันที
ขณะที่พวกเราขี่ผ่านป่านั้น
เซปท์บอกผมทุกอย่างที่ผมควรจะรู้เกี่ยวกับชีวิตของผม
ครอบครัว
เพื่อนๆ
และสิ่งที่ผมควรจะชอบหรือไม่ชอบ
เขาบอกผมว่าควรจะทำอะไรเมื่อไปถึงที่นั่น
และวิธีพูดกับผู้คนที่ต่างกันออกไป
เขาเป็นครูที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
ซึ่งผมเองก็ตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
ความผิดพลาดแค่นิดเดียวหมายถึงความตายของพวกเราทั้งสามได้
พวกเรามาถึงสถานีรถไฟตอน
แปดโมงเช้า
และขึ้นรถไฟ
เมื่อถึงเวลาเก้าโมงครึ่ง
พวกเรามาถึง
สเตรลซอร์
และเมื่อกษัตริย์หนุ่มรูดอล์ฟที่ห้าก้าวออกจากรถไฟนั้น
ผู้คนต่างตะโกนโห่ร้อง
“ พระเจ้าจงคุ้มครองพระองค์
”
เซปท์ยิ้มเมื่อได้ยิน
“ พระเจ้าจงคุ้มครองพวกเจ้าเช่นกัน
” เขาเอ่ยขึ้นอย่างเบาๆ
“ ข้าหวังเพียงให้พวกเราทั้งหมดรอดผ่านคืนนี้ไปเท่านั้นเป็นพอ
”
ตอนที่
4
การผจญภัยเริ่มต้นขึ้น
เมื่อพวกเราทั้งหมดมาถึงยังพระราชวัง
ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นกษัตริย์แห่ง
รูริทาเนีย
จริงๆ
ไปแล้ว
เพรียบพร้อมด้วย
มาร์ชาร์ล
สตาร์คเคนส์
ผู้เป็นหัวหน้ากองทัพ
ทางด้านขวา
และ
เซปท์
ทางด้านซ้าย
ถึงตอนนี้ผมเห็นว่า
สเตรลซอร์นั้น
แบ่งเป็น
2 เมืองจริงๆ
คือ
เมืองเก่าและเมืองใหม่
ประชาชนที่อาศัยในฝั่งเมืองเก่า
ซึ่งต่างยากจนนั้นต้องการให้
ดยุคไมเคิล
ขึ้นครองราชย์
แต่กลับกัน
ประชาชนที่อาศัยในฝั่งเมืองใหม่ต้องการกษัตริย์
รูดอล์ฟ
พวกเราเดินผ่านฝั่งเมืองใหม่ก่อน
มันช่างสดใสและมีชีวิตชีวาด้วยเสื้อผ้าอาภรของพวกผู้หญิงและกุหลาบแดง
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ
เอล์ฟสเบิร์ก
ประชาชนต่างโห่ร้องให้กับกษัตริย์หนุ่มเมื่อเราเดินผ่านยังถนนในตัวเมือง
แต่เมื่อเรามาถึงยังฝั่งเมืองเก่า
ทั้งมาร์ชาลแลเซปท์เคลื่อนตัวมาใกล้ม้าของผม
ผมทราบได้ทันทีว่าทั้งคู่กังวลในความปลอดภัยของผม
“ถอยไป”
ผมสั่ง
“ผมจะแสดงให้ประชาชนของผมรู้ว่าผมไม่กลัวพวกเขา”
ประชาชนบางส่วนพอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แต่ส่วนใหญ่ได้แต่จ้องมองผมอย่างเงียบๆ ในที่สุดพวกเราก็มาถึงมหาวิหารแห่งสเตรลซอร์
ผมจำได้ลางๆเกี่ยวกับพิธีราชาภิเษก
มีเพียงใบหน้าของคน
2 คนเท่านั้นที่ผ่านเข้ามาในสมอง
ใบหน้าของหญิงสาวผู้งดงามพร้อมกับผมสีแดงที่สละสลวย
นามว่า
เจ้าหญิงฟลาเวีย
และอีกใบหน้าหนึ่งเป็นของชายที่มีผมสีดำและดวงตาอันคมกริบ
ไมเคิลผมดำ
เมื่อเขาเห็นผม
หน้าของเขาก็ซีดเผือด
เป็นที่ประจักษ์ว่าเขาประหลาดใจและไม่พอใจอย่างมากเมื่อเห็นผม
พิธีราชาภิเษกนั้นใช้เวลาประมาณชั่วโมง
โดยที่ผมพยายามที่จะพูดและทำแต่สิ่งที่ควรเท่านั้น
จนในที่พิธีก็สิ้นสุดลง
โดยที่ผมได้กลายเป็นกษัตริย์แห่ง
รูริทาเนีย
โดยสมบูรณ์
เมื่อผมมองเจ้าหญิงฟลาเวียนั่งรถม้าเปิดประทุนกลับพระราชวังนั้น
ชายคนหนึ่งได้ตะโกนถามขึ้นมาว่า
“ เมื่อไรจะมีพิธีอภิเษกสมรสล่ะฝ่าบาท”
เมื่อเจ้าหญิงได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงทันที
สักครู่เธอก็พูดขึ้นมาว่า
“ วันนี้พระองค์ดูแปลกไปนะเพคะ
ดูสุขุมและจริงจังขึ้น
พระองค์จะเป็นกลายเป็นคนจริงจังแล้วหรืออย่างไร”
ผมตระหนักได้ว่าเจ้าหญิงนั้นไม่ได้คิดกับฝ่าบาทในทางบวกเท่าไรนัก
แต่สำหรับผมแล้ว
ผมคิดว่าพระองค์ช่างเป็นชายที่โชคดีเอย่างหาที่สุดไม่ได้
“ถ้านั่นทำให้เจ้าพอใจ
ข้าก็จะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
พระพักตร์ของเจ้าหญิงเป็นสีแดงอีกครั้งหนึ่ง
ในที่สุดเธอกลับพูดว่า
“ พระองค์ต้องระวัง ไมเคิลไว้นะเพคะ
ทรงทราบหรือไม่”
“เรารู้ดี”
ผมตอบ
“ว่าเขาต้องการสิ่งที่ข้ามี
และยังต้องการสิ่งที่ข้าต้องการครอบครองในอนาคตข้างหน้า”
เมื่อผมพูดเสร็จ
ผมมองไปยังเจ้าหญิง
และเธอก็ยิ้มตอบให้อย่างงดงาม
“สงสัยเหลือเกินว่าตอนนี้ฝ่าบาทจะเป็นอย่างไรบ้าง”ผมคิด
งานเลี้ยงอาหารค่ำดำเนินไปเป็นระยะเวลานาน
แต่ท้ายที่สุด
ทั้งฟริทส์
เซปท์
และผมอยู่กันตามลำพังในห้องทรงของฝ่าบาท
“นายทำได้ดีมาก”
ฟริทส์ชม
“แต่จงระวังไว้
ราเซนดิลล์
ไมเคิลผมดำวันนี้ดูน่ากลัวกว่าที่ผ่านมามาก
เพราะมันไม่พอใจที่เจ้ากับเจ้าหญิงสนิทสนมกันเกินไป”
“ทรงสิริโฉมงดงามนัก”
ผมตอบ
“อย่าทำเป็นเล่นไป”
เซปท์เอ่ยเสียงเรียบ
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องแบบนี้
พวกเราต้องออกเดินทางไป
เซนดาให้เร็วที่สุด
เพื่อไปหาฝ่าบาท
ถ้าพวกเราถูกจับ
พวกเราทั้งหมดจะต้องถูกฆ่า
ไมเคิลผมดำได้รับจดหมายจาก
เซนดาแล้ว
บางทีอาจจะรู้แล้วด้วยซ้ำ
ระหว่างที่เราไม่อยู่
ฟริทส์
เจ้าจงอย่าปลดล็อคประตูเด็ดขาด
ให้บอกไปว่าฝ่าบาทต้องการอยู่ลำพังเพื่อพักผ่อน
มิเช่นนั้นแล้วเจ้าจะกลายเป็นศพ
เอาล่ะ
ออกเดินทางเถอะ
ม้าพร้อมแล้ว”
ฟริทส์กับผมจับมือกันเป็นการบอกลา
ผมปกปิดใบหน้าทั้งหมดและผมสีแดง
หลังจากนั้นทั้งเซปท์และผมออกจากห้องทางประตูลับ
จนพวกเราออกมานอกตัวพระราชวัง
ทางด้านหลังของอุทยาน
มีคนและม้ารออยู่พร้อมแล้ว
ไม่นานพวกเราก็ออกจากเมือง
มุ่งหน้าสู่นอกตัวประเทศ
พวกเราขี่เร็วราวกับสายลม
แค่
4 ทุ่มพวกเราก็มาถึงชายป่าของ
เซนดาแล้ว
ทันใดนั้น
เซปท์
หยุดม้ากะทันหัน
“ ฟังสิ” เขากระซิบ
“ มีม้าข้างหลังเรา
เร็ว
หมอบลง
ปราสาทอยู่ทางซ้าย
เราต้องไปทางขวา”
พวกเราซ่อนตัวในโพรงไม้
รอและดูท่าที
มีผู้ชายเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
เป็นไมเคิลผมดำกับชายอีกคนหนึ่ง
เมื่อพวกเขาถึงยังทางสองแพร่ง
พวกเขาก็หยุดม้า
“ไปทางไหน”
ดยุคถามขึ้น
“ไปเส้นทางยังตัวปราสาท”
ชายอีกร้องบอก
“พวกมันจะรู้เองเมื่อถึงตรงนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น”
ท่านดยุคนิ่งไปสักครู่
“ ถ้าเช่นนั้น ไปเซนดา”
เขาสั่งในที่สุด
ดังนั้นชายทั้ง
2 จึงมุ่งหน้าไปยังถนนทางซ้าย
พวกเรารอสักสิบนาที
จึงรีบออกเดินทางต่อ
เมื่อมาถึงบ้านที่อยู่ชายป่า
พวกเรารีบไปยังห้องใต้ดินที่เซปท์ได้ขังหญิงชราไว้
แต่ทว่ามันกลับว่างเปล่า
หล่อนหนีไปได้อีกห้องหนึ่งนั้นล็อคอยู่
หน้าของเซปท์ซีดด้วยความกลัว
พวกเราช่วยกันพังประตูเข้าไป
ผมจุดไฟและมองไปรอบๆห้อง
คนรับใช้
ที่ชื่อ
โจเซฟนอนแน่นิ่งอยูบนพิ้น
เขาตายแล้ว
ผมถือคบไฟและมองไปรอบๆทุกๆมุมของห้อง
“ฝ่าบาทไม่ได้อยู่นี่”
ผมบอก
ตอนที่
5
เสด็จกลับเสตรลซอร์
เป็นช่วงเวลาประมาณ
ตี
1 พวกเราไม่พูดอะไรเลยประมาณสักพัก
จนกระทั่งเซปท์เอ่ยขึ้นมาว่า
“ คนของดยุคได้จับตัวฝ่าบาทในฐานะนักโทษไปแล้ว!
”
“ ฉะนั้นพวกเราต้องรีบกลับเสตรลซอร์เพื่อปลุกทุกๆคน”
ผมออกความเห็น
“ เราต้องจับตัวไมเคิลผมดำให้ได้ก่อนที่มันจะปลงพระชนม์ฝ่าบาท”
“ ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน”
เซปท์ตอบ
จู่ๆเขาก็หัวเราะออกมา
“ แต่เราก็ได้สร้างปัญหาใหญ่ให้กับมันไม่น้อย”
เขาพูด
“ เอาล่ะ น้องชาย
พวกเราจะกลับสเตรลซอร์
ฝ่าบาทจะต้องประทับในพระราชวังที่เสตรลซอร์อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น”
“ ไม่
!” ผมร้อง
“ไม่มีข้อแม้!”
เซปท์ตอบ
“ นี่เป็นหนทางเดียวที่ช่วยพระองค์
กลับไปซะ
และสวมรอยเป็นพระองค์
”
“ แต่
ดยุคต้องรู้…..”
“ ใช่
แต่เขาพูดไม่ได้
ถูกมั้ยล่ะ
เขาจะพูดอะไรได้
ชายคนนี้ไม่ใช่ฝ่าบาทเพราะว่าข้าได้จับฝ่าบาทพระองค์ขังไว้และฆ่าคบใช้ของพระองค์อีกด้วย”
เขาจะพูดเช่นนี้ได้หรือ
“ แต่ประชาชนจะค่อยๆผิดสังเกตว่าผมไม่ใช่ฝ่าบาทพระองค์จริง”
ผมพูด
“ อาจจะ
หรืออาจไม่”
เซปท์ตอบ
“ แต่พวกเราต้องให้ตัวฝ่าบาทประทับที่สเตรลซอร์
มิเช่นนั้นแล้วไมเคิลผมดำจะประกาศตนเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่!
ฟังนะ
น้องชาย
ถ้าเจ้าไม่กลับสเตรลซอร์
พวกมันจะสังหารฝ่าบาท
แต่ถ้าเจ้ากลับไปสเตรลซอร์
พวกมันไม่สามารถทำเช่นนั้นได้แน่
เพราะหากพวกมันทำล่ะก็
มันจะไม่มีเหตุผลที่จะอ้างว่าเจ้าไม่ใช่ฝ่าบาทพระองค์จริง
เจ้าเห็นด้วยมั้ย”
เขาถาม
“ มันเป็นการเดิมพันที่เสี่ยงทีเดียว
แต่ก็มอบโอกาสแห่งชัยชนะด้วยเช่นกัน”
มันช่างเป็นแผนที่บ้าบิ่นและสิ้นหวัง
แต่ผมยังหนุ่ม
อาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้ผจญภัยเช่นนี้อีกเลยก็ได้
“ เซปท์ ผมจะลองดู”
ผมพูดในที่สุด
“ ดีแล้ว”
เซปท์พูด
“ แต่พวกเราต้องรีบ ดู”
เขาดึงผมให้หยุดหน้าประตู
พระจันทร์เคลื่อนลงต่ำแล้ว
และแสงก็ไม่มากนัก
แต่ผมก็ยังสามารถเห็นกลุ่มคนจำนวนไม่มากนักบนหลังม้า
พวกมันเป็นคนของไมเคิลผมดำ
อาจจะกำลังเอาศพโจเซฟไปทิ้ง
“ เราจะปล่อยให้พวกมันไป
โดยที่ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้”
ผมพูด
คิดถึงร่างของโจเซฟที่น่าเวทนา
“ ถูกต้อง”
เซปท์เห็นด้วย
พวกเราวิ่งออกไปจากหลังด้านหลังบ้าน
และขึ้นม้าอย่างรวดเร็ว
พวกเราซุ่มอยู่ในความมืด
ด้วยความสงบ
ทันใดนั้นพวกเราก็ควบม้าไปรอบๆบ้านและพุ่งเข้าไปยังกลุ่มพวกมัน
เราทั้งคู่
ฆ่าพวกมันไป
3 คน แต่กระสุนถูกนิ้วของผมจนเลือดไหล
พวกเราควบม้าตลอดคืน
จนประมาณ
8-9 โมงในตอนเช้าที่พวกเราถึงสเตรลซอร์
ช่างโชคดี
ที่ถนนผู้คนยังคงไม่พลุกผล่านนัก
พวกเรามาถึงพระรชวัง
เข้าไปข้างใน
และมุ่งไปยังห้องทรง
เมื่อเราเปิดประตูเข้าไปนั้น
ฟริทส์ยังคงนอนหลับ
แต่เขาก็ตื่นขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นผม
เขาล้มลงไปบนพื้น
และร้องขึ้นว่า
“ ขอบคุณพระเจ้า ฝ่าบาท!
ทรงปลอดภัย
!”
“ ดีมาก
น้องชาย”
เซปท์กู่ร้อง
“ พวกเราจะต้องทำสำเร็จแน่”
ฟริทส์ลุกขึ้น
มองมาที่ผม
ขึ้นลง
ลงและขึ้น
แล้วกลับผงะถอยไป
“ ฝ่าบาทพระองค์จริงล่ะ?” เขาร้อง
“ เงียบซะ”
เซปท์เตือนเขา
“ เดี๋ยวมีใครได้ยิน”
ใบหน้าฟริทส์เปลี่ยนเป็นสีขาวแล้วตอนนี้
“ นี่พระองค์ตายแล้วอย่างนั้นรึ”
เขากระซิบถาม
“ ได้โปรด
พระเจ้า
ขออย่าให้เป็นเช่นนั้น”
ผมตอบ
“ แต่ไมเคิลผมดำจับตัวพระองค์ไว้”
วันต่อมาเป็นที่ยาวนานเหลือเกินสำหรับผม
เซปท์อธิบายผมนานกว่า
3 ชั่วโมง
เกี่ยวกับสิ่งที่ผมควรทำและควรพูด
สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ
และผมก็ยังต้องทำพระราชกรณียกิจของฝ่าบาทบางกระการ
แต่
ด้วยเพราะนิ้วที่ได้รับบาดเจ็บของผม
เลยไม่ต้องลงนามบนเอกสาร
ในท้ายที่สุดแล้ว
ผมอยู่ตามลำพังกับเซปท์และฟริทส์
พวกเราเริ่มพูดถึงไมเคิลผมดำ
ฟริทม์บอกกับผมว่ามันมีคนที่อันตรายมาก
6 คน แฝงตัวอยู่กับคนรับใช้ของมัน
เป็นคนรูริทาเนีย
3 คน คนเบลเยียม
คนฝรั่งเศสและคนอังกฤษ
พวกมันทำทุอย่างตามที่ดยุคสั่ง
ไม่เว้นกระทั่งการฆ่า
พวกมันทั้ง
3 คน นั้น
ฟริทส์ได้ยินมาว่า
ตอนนี้อยู่ในเสตรลซอร์กับดยุคไมเคิลแล้ว
เซปท์ใช้มือตบโต๊ะด้วยความตื่นเต้น
“ ถ้าเช่นนั้นแล้ว ฝ่าบาทน่ายังมีชีวิตอยู่!
ไมเคิลนำนักฆ่าต่างชาติมาด้วยและให้ที่เป็นคนรูริทาเนีย
คุมตัวฝ่าบาทที่คุกไว้
ซึ่งตามปกติแล้วพวกมันทั้ง
6 คนจะตามนายของมันไปทุกที่”
ฟริทส์ต้องการที่ทำอะไรสักอย่างเดี๋ยวนี้กับไมเคิลผมดำและคนของมัน
แต่เซปท์แลผมตระหนักว่าพวกเราไม่ควรทำอะไรที่มันเปิดเผยนัก
“ พวกเราจะเล่นเป็นฝ่ายรับ
และปล่อยให้ไมเคิลผมดำเคลื่อนไหวก่อน”
ผมพูด
ดังนั้นผมจึงต้องรับบทเป็นกษัตริย์แห่งรูริทาเนียไปก่อน
เพื่อที่จะช่วยฝ่าบาทพระองค์จริง
ผมพยายามทำตัวเองให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน
ผมได้ขี่ม้าไปรอบๆถนน
ยิ้มและพูดคุยกับทุกคน
และผมยังไปเยี่ยมเจ้าหญิงฟลาเวียอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ประจำราชสำนักบอกผมไว้ว่าเจ้าหญิงได้รับความนิยมจากประชาชนมาก
และประชาชนนยังคาดหวังไว้ว่าเธอจะมาเป็นภรรยาของผม มันช่างง่ายเหลือเกินสำหรับการเล่นบทคู่รักกับเจ้าหญิง
ง่ายจริงๆ
ดวงตาอันงดงามคู่นั้นแลไหนจะริยยิ้มครอบครองหัวใจของผมไว้อย่างอยู่หมัด
ผมกำลังสวมบทเป็นชายอื่น
แต่สูญเสียหัวใจของตัวเอง
ในครั้งแรกที่ผมมาเยี่ยมเธอนั้น
พวกเรานั่งอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน
พูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้
ตอนที่ผมจะลุกกลับ
เจ้าหญิงทรงตรัสขึ้นว่า
“ รูดอล์ฟ
พระองค์ต้องทรงระวังนะเพคะ
ทรงมีศัตรู
ซึ่งฉันทราบดีว่าทรงรู้ว่าเป็นใคร
และชีวิตของพระองค์ก็สำคัญนักต่อ……รูริทาเนีย”
“ แค่รูริทาเนียเท่านั้นหรือ”
ผมถามด้วยเสียงนุ่มนวล
“ และยังต่อพระญาติของพระองค์”
เธอตอบเงียบๆ
ผมไม่สามารถพูดอะไรได้
ได้แต่กุมมือของหล่อนไว้ในมือ
ด้วยความลำบากใจอย่างยิ่ง
แต่ผมก็จากเธอมา
แน่นอน
ผมทำสิ่งที่ผิดพลาดไว้มากระหว่างที่ผมใช้ชีวิตเป็นพระราชา
แต่ผมวางแผนไว้ว่าจะพูดเอาตัวรอดอย่างไร
และยังโชคช่วยและความช่วยเหลือจากทั้งฟริทส์และเซปท์
ชีวิตผมตอนนี้เหมือนเดินอยู่บนปลายมีด
ครั้งหนึ่งผมพบไมเคิลผมดำที่วังของเจ้าหญิง
พวกเรายิ้มให้กันและพูดคุยกันอย่างสุภาพ
แต่ผมก็ยังคงเห็นความโกรธและอาฆาตในดวงตาอันดำมืดของเขา
ตอนที่
6
การผจญภัยด้วยโต๊ะน้ำชา
วันหนึ่งเซปท์นำข่าวใหม่มาเล่าให้ผมฟังว่าเขารู้ที่อยู่ของฝ่าบาทแล้ว
ดยุคไมเคิลขังพระองค์ไว้บางที่ของปราสาทแห่งเซนดา
เซปท์ยังนำจดหมายมาให้ผมฉบับหนึ่ง
เป็นลายมือของผู้หญิง
“ หากอยากจะรู้ในเรื่องที่คุณต้องการรู้มากที่สุดนั้น”
เป็นประโยคเริ่มต้นของจดหมาย
“ จงมาพบข้าคืนนี้ในสวนของบ้านใหญ่ใน
นีว
อเวนู
มาเวลาเที่ยงคืน
และจงมาคนเดียว”
ด้านหลังจดหมายนั้นยังมีข้อความอีก
“ ถามตัวท่านเองว่าหญิงผู้ใดกันที่ไม่ปรารถนาให้ไมเคิลผมดำอภิเษกกับเจ้าหญิง
เอ.
เดอร์
เอ็ม.”
“ แอนโทแนต!”
ผมร้องขึ้น
“ เธอต้องการแต่งงานกับดยุคไม่ใช่หรือ”
“ถูกแล้ว”
เซปท์เอ่ย
“ แต่เจ้าไม่ควรไป เพราะพวกมันจะต้องฆ่าเจ้าแน่!
ดยุคไมเคิลให้หล่อนเขียนจดหมายฉบับนี้”
“ ผมต้องไป”
ผมตอบ
“ ทุกวันที่เราเล่นเกมส์อันตรายนี้
นับวันมันยิ่งอันตรายมากขึ้น
ผมคงจะทำพลาดเข้าสักวัน
และถ้าเป็นเช่นนั้น
พวกเราจะตายกันทั้งหมด
นี่แหละคือเหตุผลที่ผมควรจะไปคืนนี้
เราคงทำต่อไปไม่ได้นานแน่”
“ ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปด้วย”
เซปท์พูด
ดังนั้น
ตอนห้าทุ่มครึ่งของคืนนั้น
เซปท์และผมขี่ม้าไปยังบ้านใน
นิว
อเวนู
เราทิ้งให้ฟริทส์ดูแลห้องผมที่พระราชวัง
เพราะเป็นคืนที่มืดมาก
ผมจึงนำตะเกียง
ปืนลูกโม่และมีดมาด้วย
ในที่สุดพวกเราก็มาใกล้ตัวบ้าน
เข้าไปยังประตูในกำแพง
ผมลงจากหลังม้า
“ ข้าจะรออยู่ตรงนี้”
เซปท์เอ่ย
“ หากได้ยินอะไรผิดปกติ
ข้าจะ
–“
“ หยุดอยู่เที่เดิมเถอะ”
ผมตอบทันที
“ มันเป็นโอกาสเดียวของฝ่าบาท
พวกมันต้องไม่ฆ่าคุณด้วยอีกคน”
“ ถูกของเจ้า”
เซปท์ตอบ
“ ขอให้โชคดี”
เงียบกริบ
ผมเปิดประตูและก้าวเข้าไปในสวน
เบื้องหน้า
ผมสามารถมองเห็นรูปทรงของตัวบ้านพักฤดูร้อนและเดินตรงไปหายังมัน
ปราศจากเสียงใดๆ
ผมเดินขึ้นบันได
ผลักประตูและเดินเข้าไป
มีหญิงสาวคนหนึ่งรีบตรงมายังผมและดึงแขนของผมไว้
ผมฉายไฟจากตะเกียงไปยังเธอ
หล่อนสวยมากจริงๆ
“ ปิดประตูซะ”
หล่อนพูด
“ เราต้องรีบ คุณราแซนดิลล์
ไมเคิลสั่งให้ฉันเขียนจดหมายฉบับนั้น
ชายสามคนกำลังมาเพื่อจะฆ่าท่าน
และพวกมันจะป่าวประกาศไปทั่วว่า
เซปท์และฟริทส์
วอน
ทาร์เลนแฮม
สังหารท่าน
จากนั้นไมเคิลก็จะสถาปนาตัวเองเป็นพระราชาและอภิเษกกับเจ้าหญิง”
ดวงตางดงามของแอนโทแนตนั้นเศร้าเช่นที่เธอเสริมตอนท้ายว่า
“ ฉันไม่สามารถทนเห็นเขาแต่งงานได้
ฉันรักเขา”
“ แต่ฝ่าบาท”
ผมพูด
“ ผมรู้ว่าพระองค์ทรงประทับอยู่ในปราสาทแห่งเซนดาแน่
แต่ที่ไหนกัน”
“ ข้ามสะพานชักไปและท่านจะถึงยังประตูบานหนึ่ง
ฟังซิ!!
นั่นอะไรกัน?
พวกมันกำลังมาทางนี้แล้ว
เร็วจริงๆ
ดับตะเกียงเร็วเข้า”
เธอร้องสั่ง
ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ เร็วเข้า ท่านต้องรีบหนีไป
จะมีบันไดตรงทางสุดของสวน
ริมกำแพง”
แต่มันสายไปเสียแล้ว
ชายสามคนนั้นอยู่ด้านนอกเรียบร้อยแล้ว
มีรูเล็กๆรูหนึ่งตรงประตู
ผมจึงมองลอดผ่านออกไป
ในมือถือปืนลูกโม่ไว้มั่น
ไม่ดีแน่ๆ
พวกมันมีกันถึงสามคน
ผมสามารถจัดการได้แค่หนึ่ง
แต่…..
เสียงมาจากด้านนอก
“ คุณ ราเซนดิลล์
….” เป็นเสียงของคนอังกฤษ
“ พวกเราแค่อยากจะคุยกับคุณเท่านั้น
เปิดประตู”
“ เราคุยกันผ่านประตูก็ได้”
ผมตอบ
ผมมองลอดผ่านรูอีกครั้งและเห็นว่าพวกมันยืนอยู่ตรงบันไดขั้นบนสุด
หากผมเปิดประตูออกไปล่ะก็
พวกมันถึงตัวผมทันทีแน่
“ เราจะปล่อยคุณไปถ้าคุณออกจากประเทศและเรายังจะมอบเงินให้คุณอีกห้าหมื่นปอนด์”
ชายคนอังกฤษยังคงพูดต่อไป
“ ขอเวลาให้ผมคิดสักครู่”
ผมตอบ
อย่างร้อนรน
ผมมองไปรอบๆตัวบ้านพักฤดูร้อนหนังนี้
และเห็นโต๊ะในสวนทำด้วยเหล็กและเก้าอี้จำนวนหนึ่ง
ผมยกโต๊ะและบังมันไว้หน้าตัวผม
ผมรีบเดินไปยังท้ายห้องและรอ
“ ตกลง
ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอคุณ”
ผมร้องตอบ
“ เปิดประตูได้”
ผมได้ยินเสียงพวกมันเถียงกัน
และชายคนอังกฤษพูดกับชาวเบลเลียมว่า
“ อะไรกัน
เจ้าเบอร์ซอนิน
นี่เจ้าเจ้ากลัวแม้กระทั่งมันคนเดียวอย่างนั้นเรอะ”
ไม่กี่นาทีต่อมาประตูก็ถูกเปิดออก
เดอร์
กัวทาร์ต
ชายฝรั่งเศส
ร่วมด้วยกับอีกสองคน
และพวกมันทั้งสามคนก็ยืนเตรียมปืนลูกโม่ไว้พร้อม
พร้อมกับเสียงตะโกน
ผมวิ่งปะทะเข้าหาพวกมันให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
พวกมันพยายามจะยิงใส่ผม
หากแต่กระสุนถูกแค่เท่านั้น
นาทีต่อมาโต๊ะก็กระแทกพวกมันล้มลงไปยังพื้นและพวกเราก็ล้มนอนก่ายกันอยู่ตรงนั้น
ด้วยความรวดเร็ว
ผมพยุงตัวขึ้นและวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอดไปยังต้นไม้
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าพวกมันไล่ตามมา
อังตัวเนตจะพูดจริงหรือ
?
ที่ว่ามีบันไดเตรียมไว้ตรงกำแพง?
ผมวิ่งมาจนถึงสุดสวน
มีบันไดอยู่ตรงนั้นจริงๆ!
ไม่กี่อึดใจ
ผมก็ปีนขึ้นไปบนกำแพง
เซปท์รอผมอยู่พร้อมด้วยม้าและครู่ต่อมาพวกเราก็อยู่ระหว่างทางที่จะกลับบ้าน
และขณะที่พวกเราขี่ม้าอยู่นั้นพวกเราต่างหัวเราะกัน
เพราะว่าผมได้สู้กับคนที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวของดยุดไมเคิล
ด้วยโต๊ะน้ำชา!
ตอนที่
7
เพื่อความรักของพระราชา
ในทุกๆวันผมส่งรายงานลับให้กับหัวหน้าตำรวจ
และในเทียงของวันต่อมา
ผมได้เล่นไพ่กับฟริทส์ขณะที่เซปท์นำสารลับเข้ามา
เราทราบว่าดยุคไมเคิลและคนสนิททั้ง
3 ได้ไปจากเสตรลซอร์แล้ว
รวมถึงแอนโทแนตด้วย
เป็นที่แน่นอนว่า
พวกเขาทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังเซนดา
รายงานยังบอกอีกด้วยว่าประชาชนล้วนไม่พอใจเนื่องจากพระราชายังไม่ทรงเอ่ยปากขอเจ้าหญิงฟลาเวียอภิเษกสมรสสักที
“ เอิ่ม”
ฟริทส์เอ่ย
“ เป็นความจริง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าหญิงทรงรักฝ่าบาทมากและทรงเสียพระทัยมากอีกด้วย”
“ถ้าเช่นนั้น”
เซปท์แจ้งให้พวกเราทราบ
“ข้าได้จัดงานเต้นรำขึ้นที่พระราชวังในเย็นนี้
เพื่อเจ้าหญิง”
“ ทำไม
ไม่มีใครบอกผมเลยเรื่องนี้”
ผมถามขึ้นอย่างไม่พอใจ
หากแต่เซปท์ยังคงพูดต่อไปว่า
“ ทุกๆอย่างได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว
และในคืนนี้เจ้าต้องขอเจ้าหญิงอภิเษกสมรส”
“ ไม่
ผมจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายเธอ”
ผมร้อง
“ เอาล่ะๆ
เด็กน้อย”
เซปท์ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ แค่พูดหวานกับพระองค์
และจงจำไว้ว่า
พระองค์ทรงเข้าใจว่าเจ้าคือฝ่าบาทและพวกเราไม่ต้องการให้พระองค์ไม่พอพระทัยฝ่าบาท
เข้าใจใช่ไหม”
ผมเข้าใจดี
หากฝ่าบาททรงปลอดภัย
เช่นนั้นแล้วฟลาเวียต้องอภิเษกกับพระองค์แน่
แต่หากฝ่าบาทตกอยู่ในอันตราย
เช่นนั้นเซปท์จะขอให้ผมอยู่ต่อและแต่งงานกับเจ้าหญิง
ดยุคไมเคิลจะต้องไม่ขึ้นครองราชย์
เป็นการเต้นรำที่วิเศษมาก
ฟลาเวียช่างงดงามเหลือเกินจนทำให้ผมต้องเต้นกับครั้งแล้วครั้งเล่า
ทุกๆคนสามารถรับรู้ได้ถึงความสุขของเราทั้งคู่
ผมลืมแม้กระทั่งกลุ่มคนที่แต่งกายงดงามที่อยู่กำลังมองพวกเราอยู่
ดวงตาของผมมองเห็นแค่เจ้าหญิงฟลาเวียผู้งดงามเท่านั้น
เมื่ออาหารค่ำเสร็จสิ้น
ฟริทส์จับบ่าของผม
ผมจึงลุกขึ้น
จีบมือของฟลาเวียและเดินนำเธอไปยังห้องเล็กๆห้องหนึ่ง
พวกเขานำกาแฟมาเสิร์ฟจากนั้นประตูจึงปิดสนิทอย่างเงียบๆ
เจ้าหญิงและผมอยู่กันตามลำพัง
หน้าต่างภายในห้องเล็กนั้นเปิดออกไปยังสวน
อากาศเย็นสบายและภายในห้องนั้นอบอวลแด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ที่อยู่ภายนอก
ฟลาเวียนั่งลงและผมยืนอยู่ตรงข้ามเธอ
ผมกำลังต่อสู้กับตนเอง
. . . แต่เมื่อเธอมองมายังผม
ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
ผมลืมฝ่าบาท
ลืมว่าตัวเองเป็นใคร
ผมลืมทุกๆอย่าง
ผมคุกเข่าลง
รวบเธออย่างอ่อนโยนไว้ในอ้อมแขนและจูบเธอ
ทันใดนั้นเธอผลักผมออก
“ เป็นความจริงหรือ พระองค์ทรงรักหม่อมฉันจริงๆ”
เธอครางออกมา
“ หรือเป็นเพราะพระองค์เป็นพระราชาที่จำเป็นต้องอภิเษกกับหม่อมฉันเท่านั้น”
“ ไม่”
ผมกระซิบตอบ
“ ข้ารักเจ้ามากยิ่งกว่าชีวิตของข้า”
ฟลาเวียยิ้ม
“ โอ ทำไมหม่อมฉันถึงเพิ่งจะมารักพระองค์เอาตอนนี้”
หล่อนพูดอย่างอ่อนโยน
“ เมื่อก่อนหม่อมฉันมิได้รักพระองค์เลย
หากแต่ตอนนี้หม่อนฉันรักพระองค์เหลือเกิน”
ช่างมีความสุขอะไรอย่างนี้
ไม่ใช่ฝ่าบาทที่เธอรัก
หากแต่เป็นผม
เป็นรูดอล์ฟ
ราเซนดิลล์
แต่เมื่อผมมองไปยังดวงหน้าที่พริ้มเพราของเธอ
ผมก็รู้ว่าไม่วสามารถอยู่กับการโกหกไปได้ตลอด
ผมจะแกล้งทำตัวเป็นฝ่าบาทอย่างนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน
“ มีบางสิ่งที่ข้าต้องบอกเจ้า
. . .” ผมเริ่มต้น
เสียงทุ้ม
“ ฝ่าบาทพะยะค่ะ”
เสียงดังมาจากสวน
“ ทุกคนกำลังรอที่จะกล่าวลาพระองค์พะยะค่ะ”
เป็นเซปท์
เขาได้ยินที่ผมพูดกับเจ้าหญิง
“ พวกเรากำลังจะไป”
ผมตอบเสียงเยือกเย็น
แต่ฟลาเวีย
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรักที่มอบให้ผม
ผมส่งมือของเธอให้เซปท์เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง
เขารับมือของหล่อนและกล่าวอย่างนุ่มนวลและเศร้าสร้อยว่า
“ ขอให้พระเจ้าทรงคุ้มครองพระนาง”
และยังเสริมว่า
“ นอกเหนือสิ่งอืนใด ขอให้พระเจ้าคุ้มตรองฝ่าบาทเช่นกัน”
เมื่อเซปท์บอกแก่ทุกคนว่าเจ้าหญิงฟลาเวียทรงยอมรับฝ่าบาทในฐานะพระสวามีในอนาคตแล้วนั้น
ทุกคนล้วนตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความปิติ
“ ท่านรู้ไหมเซปท์”
ผมพูดอย่างเศร้าสร้อย
“ ผมสามารถแต่งงานกับเจ้าหญิงได้
และสั่งให้ประชาชนสังหารดยุดไมเคิล
และฝ่าบาท”
“ ข้ารู้ดี”
เซปท์ตอบ
“ ดังนั้นพวกเราต้องมุ่งหน้าไปเซนดาและนำฝ่าบาทกลับมาทันที”
ผมพูด
เซปท์วางมือบอนไหล่ของผม
“ เจ้าเป็นเอลฟ์สเบิร์กที่ประเสริฐที่สุดในบรรดาทั้งหมด”
เขาพูดด้วยความรู้สึกเต็มเปี่ยมก่อนที่เราจะออกจากสเตรลซอร
นั้น
ผมเห็นมาร์ชาลและสั้งให้เขาอยู่ใกล้ๆฟลาเวีย
เพื่อที่จะอารักขาและดูแลเธอให้ห่างจากดยุคไมเคิล
จากนั้นผมไดกล่าวลากับเธอ
ตอนแรกเธอเย็นกับผม
เธอไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดผมจึงต้องจากเธอไป
แต่ความโกรธของกลับเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวเมื่อผมบอกเธอว่าผมจะออกไล่ล่าดยุคไมเคิล
“ โอ
รูดอล์ฟ
ทรงระวังองค์ด้วย”
หล่อนคราง
“ เขาเป็นบุคคลอันตราย
ได้โปรดทรงกลับมาหาหม่อมฉันอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ”
“ดยุคไมเคิลไม่สามรถแยกข้าออกจากเจ้าได้”
ผมให้สัญญา
หากแต่ในใจนั้นรู้ดีว่าชายอีกคนหนึ่งทำได้แน่
ตอนที่
8
กลับสู่เซนดา
ในวันรุ่งขึ้น
เซปท์
ฟริทส์และผมออกจากเสตรลซอร์เพื่อที่จะมุ่งหน้าสู่บ้านทาร์เลนแฮมส์
บ้านหลังงามที่ยังดูใหม่นี้เป็นของลุงของเซปท์มาก่อนและยังตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทแห่งเซนดาอีกด้วย
เรามีคนหนุ่มที่แข็งแกร่งกับเรา
10 คนด้วยกัน
เซปท์บอกกับพวกเขาว่า
พระสหายของฝ่าบาทถูกกักขังภายในปราสาทแห่งเซนดาและพระองค์ต้องการความช่วยเหลือของพวกเขา แน่นอนว่าไมเคิลรู้ถึงการมาของผม
แต่ผมมั่นใจว่าเขาต้องไม่ทราบถึงเหตุผลแน่
เขาอาจคิดว่าแผนของผมคือการฆ่าเขารวมถึงฝ่าบาท
และแต่งงานกับเจ้าหญิงซะเอง
ดังนั้น
ผมไม่ได้เข้าไปในบ้านเกือบๆชั่วโมงตอนที่เขาส่งสามในหกคนของเขามาหาผม
พวกเขาไม่ใช่สามคนที่พยายามจะฆ่าผม
ในครั้งนี้เขาส่งชาวรูริทาเนียน
3 คน หลองเร็ม
คราฟท์สไตน์และรูเพิร์ทแห่งเฮนต์ซอร์
“ดยุคไมเคิลนั้นเสียใจมากที่เขาไม่สามารถมาต้อนรับพระองค์ด้วยตัวเองได้”
รูเพิร์ทแห่งเฮนต์ซอร์อธิบาย
“แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างมากที่เขาป่วยอยู่ตอนนี้”
“ข้าหวังว่าพี่ชายของข้าจะหายในเร็ววันนี้”
ผมตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
รูเพิร์ทโค้งศีรษะลง
ทำให้ผมสีดำของเขาไหวเล็กน้อยพร้อมกับหัวเราะ
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาดีทีเดียว
หลายคนบอกผมว่าเขาได้ทำให้ผู้หญิงหลายคนเสียน้ำตามาแล้ว
“โอ้
กระผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
เขาตอบ
ในเย็นวันนั้น
แทนที่จะทานอาหารเย็นกันที่บ้าน
ฟริทส์และผมไปที่โรงแรมเล็กๆในเมืองของเซนดาที่ผมเคยไปพักมาก่อนแทน
“ขอห้องที่พวกเราสามารถทานอาหารเย็นกันได้ตามลำพัง”
ผมพูดกับฟริทส์
“และให้หญิงสาวที่น่ารักคนนั้นนำอาหารมาให้พวกเรา”
ผมปิดบังหน้าเอาไว้และหญิงสาวคนนั้นก็ได้นำไวน์มาวางบนโต๊ะ
ตอนที่เธอหันหลังจะเดินออกจากห้อง
เธอมองมาที่ผม
ผมจึงเปิดเผยใบหน้าให้เธอเห็น
“ฝ่าบาท!”
หล่อนอุทาน
“ท่านเป็นฝ่าบาท โอ้
หม่อมฉันขอประทานอภัย
ขอประทานอภัยกับสิ่งที่พวกเราพูดผิดไป”
“ลืมเรื่องนั้นเสียเถอะ”
ผมตอบ
“เจ้าช่วยนำอาหารมาเสิร์ฟให้เรา
แต่จงอย่าบอกใครว่าพระราชาอยู่ที่นี่”
หล่อนกลับมาในอีกนาทีต่อมา
ใบหน้าดูวิตกกังวล
“เพื่อนของเจ้าที่ชื่อ
โจฮันนสบายดีไหม”
ผมเริ่ม
เธอดูประหลาดใจมาก
“ โอ้ เราไม่เจอเขามาสักพักแล้วเพคะ”
เธอตอบ
“เขาทำงานยุ่งอยู่ในปราสาท”
“แต่เจ้าควรให้โจฮานมาพบเจ้าในคืนวันพรุ่งนี้
ดีไหม
เวลาสี่ทุ่ม
อาจจะที่
บนถนนนอกเมืองเซนดา”
“เพคะ
ฝ่าบาท.
. . พระองค์จะไม่ทำร้ายเขาใช่ไหมเพคะ”
“ไม่
ถ้าเขาตามที่เราสั่ง
ไปเถอะ
และอย่าพูดถึงเรื่องนี้กับใคร”
หลังอาหารค่ำ
พวกเราออกเดินทางกลับสู่บ้านของทาร์เลนแฮมส์
เราเห็นเซปท์วิ่งมาทางเราตอนเกือบจะถึงตัวบ้าน
“ พวกเจ้าพบเขาไหม” เขาร้องถาม
“ใคร”
ผมถามกลับ
“คนของดยุดไมเคิล
อย่าออกไปจนกว่าจะมีคนมากกว่า
6 คนไปด้วยกับพวกเจ้า”
เขาพูด
“เจ้ารู้จักเบอร์เนนสไตน์หนึ่งในคนของเจ้าใช่หรือไม่”
“แน่นอน
ผมรู้จัก”
ผมตอบ
“ชายคนที่ฝีมือดี ร่างกายกำยำ
สูงพอๆกับผม”
“ใช่
พวกมันพยายามจะฆ่าเขา
ตอนนี้เขาอยู่ชั้นบนพร้อมกับกระสุนในแขน
เขาพบพวกมันทั้งสามตอนที่กำลังเดินในป่า
อยู่ๆ
พวกมันก็ยิงใส่เขา
เขาเลยวิ่งหนี
โชคดีที่พวกมันไม่กล้าเข้ามาใกล้ตัวบ้าน
เขาเลยหนีพวกมันพ้น
แต่จริงๆแล้วเป็นเจ้าที่พวกมันต้องการที่จะฆ่า”
“เซปท์”
ผมพูด
“ผมรับปากว่า ผมจะทำบางอย่างให้คนรูริทาเนียนก่อนที่ผมจะไป”
“มันคืออะไรกัน”
เซปท์ถาม
“ผมจะฆ่าพวกมันทั้ง
6
คน
รูริทาเนียจะเป็นสถานที่ๆ
ดีกว่านี้มากถ้าไม่มีพวกมัน”
ตอนที่
9
ข่าวจากนักโทษ
ในเช้าวันรุ่งขึ้น
ผมนั่งอยู่ในสวนภายใต้แสงอาทิตย์ขณะนั้นผมก็ได้เห็นรูเพิร์ท
บนหลังม้ามุ่งตรงผ่านต้นไม้มาทางผม
เขาไม่เกรงกลัวคนของผมสักนิด
กลับขอที่จะพูดกับผมสองต่อสอง
เขาบอกว่ามีสารจากดยุคแห่งเสตรลซอร์ถึงผม
ผมสั่งให้คนของผมออกไปข้างนอก
รูเพิร์ทจึงเข้ามาใกล้และนั่งลงข้างๆผม
“ ราเซนดิลล์”
เขาเริ่ม
“ ท่านดยุค . . .”
“ ท่านไม่รู้วิธีที่จะพูดจากับพระราชาเลยอย่างนั้นหรือ”
ผมถามขึ้น
“ ทำไมถึงต้องแกล้งทำต่อหน้าข้าด้วยเล่า”
“ เพราะว่า
มันยังไม่จบ”
“ ถ้าเช่นนั้น
ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะช่วยท่าน
. . .”
“ เช่นนั้นจงบอกข้ามา
ว่าท่านดยุคต้องการสิ่งใด”
ผมถาม
“ ท่านต้องการให้ท่านออกจากที่นี่
ท่านจะพาท่านออกนอกประเทศอย่างปลอดภัยและจะมอบเงินจำนวนหนึ่งหมื่นปอนด์อีกด้วย”
“ ข้าขอปฎิเสธ”
ผมตอบทันที
รูเพิร์ทหัวเราะ
“ ข้ารู้แต่แรกแล้ว” เขาร้องขึ้น
“ ดยุคไมเคิลไม่เข้าใจชายเช่นพวกเรา
. . .ถ้าเช่นนั้น ท่านต้องตาย”
เขาเอ่ยต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“ ตกลง”
ผมตอบ
“แต่ท่านจะไม่มีชีวิตรอดเห็นวันนั้น”
ผมหัวเราะ
“ นักโทษของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
ผมเอ่ย
“ ยังไม่ตาย”
เขาตอบ
“เจ้าหญิงผู้น่ารักล่ะ
เป็นเช่นไรบ้าง”
ผมก้าวไปหาเขา
“ ไปซะ ก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้า”
ผมตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
รูเพิร์ทหันหลัง
แต่ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมา
เขายื่นมือขวาของเขาออกมา
“ จับมือ” เขาร้องขอ
แน่นอนที่ว่า
เขารู้ว่าผมจะทำอะไรต่อ
ผมยื่นมือไปไว้ข้างหลัง
อย่างรวดเร็วมือซ้ายของเขาขยับมาถึงตัวผม
ในมือถือกริชและพุ่งตรงเข้ามาที่หัวใจของผม
ผมกระโดดไปอีกทางหนึ่ง
ทำให้กริชพุ่งไปเสียบบริเวณหัวไหล่แทน
ก่อนที่คนของผมจะทันทำอะไร
รูเพิร์ทก็ขึ้นไปอยู่บนหลังม้าและควบตรงไปยังต้นไม้เสียแล้ว
ผมได้ยินเสียงคนของผมตามเขาไปพร้อมกับปืนในมือ
จากนั้นทุกอย่างรอบตัวก็ดับมือลง ตอนที่ผมรู้สึกตัวนั้นเป็นตอนดึกแล้ว
ฟริทส์อยู่ข้างเตียง
เขาบอกผมว่าผมไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไรนัก
และแผนการที่จะจับโจฮานนั้นลุล่วงไปได้ด้วยดี
“ดูเหมือนเขาจะพอใจที่อยู่ที่นี่”
ฟริทส์พูด
“ข้าคิดว่าเขากลัวดยุคไมเคิล”
ต่อมาเซปท์นำตัวโจฮันนมาพบผม
ในตอนแรกโจฮันไม่กล้าที่จะพูดอะไร
แต่ไม่นานเขาก็เริ่มเอ่ยปากพูด
พวกเราถามคำถามเขามากมาย
และในท้ายที่สุดโจฮันก็ได้ให้ข้อมูลที่พวกเราต้องการ
ในปราสาทแห่งเซนดา
ใกล้กับสะพานชักใต้ดินนั้น
มีห้องเล็กๆอยู่สองห้อง
ตัดจากหินทั้งก้อน
ห้องแรกนั้นมักจะเป็นที่ๆสามในหกคนพักเป็นประจำ
ตรงบริเวณหลังห้องนั้นจะมีประตูซึ่งนำไปสู่ห้องที่สอง
ฝ่าบาททรงอยู่ในนั้น
“หากมีใครพยายามจะเข้าไปในห้องแรกล่ะก็
สองในสามคนนั้นจะต้องเคลื่อนไหวแน่
แต่รูเพิร์ทหรือไม่ก็ดีชาร์ทจะรีบมุ่งไปยังห้องที่สองเพื่อสังหารฝ่าบาททันที”
โจฮันพูดขึ้น
“ในห้องที่สองนั้นจะมีหน้าต่างเล็กๆที่มีท่อใหญ่ลาดลงไปยังคูน้ำด้านนอก”
เขาพูดต่อไป
“ท่านสามารถนำคนผ่านท่อนั้นได้
และพวกนั้นจะมัดฝ่าบาทไว้ด้วยหินก้อนใหญ่และพลักพระองค์ลงไปในท่อ
ร่างของฝ่าบาทจะดิ่งลงไปและหายสาบสูญไปใต้น้ำนั้น
และตัวฆาตกรก็จะมุดลงไปในท่อและว่ายข้ามคูน้ำหนีไป”
“แต่ถ้าหากข้านำกองทัพบุกเข้าไปในปราสาทล่ะ”
ผมถาม
“ถึงอย่างไรดยุค
ไมเคิลก็สังหารฝ่าบาทอยู่ดี”
โจฮันตอบ
“มันจะไม่ตอบโต้ มันจะฆ่าฝ่าบาทแล้วผลักร่างของพระองค์ลงไปในท่อ
และจับหนึ่งในหกคนนั้นขังคุกแทน
มันจะสร้างเรื่องขึ้นว่าหนึ่งในนั้นทำให้ตัวมันไม่พอใจ
และเรื่องของนักโทษแห่งเซนดาก็จะเงียบไปเอง”
โจฮันหยุดครู่หนั่ง
และเสริมต่อว่า
“ถ้าพวกมันรู้ว่าข้าบอกเรื่องนี้แก่ท่านล่ะก็
มันต้องฆ่าข้าแน่ๆ
พวกมันเลวนัก
แต่รูเพิร์ทแห่งเฮนต์ซอนั้นเลวที่สุด
อย่าให้พวกมันฆ่าข้าได้เลยนะ.”
“เจ้าสบายใจเถอะ”
ผมพูด
“หากใครถามเจ้าว่านักโทษแห่งเซนดาเป็นใครกันแน่
ก็อย่าได้ตอบ
หากเจ้าทำล่ะก็
ข้านี่แหละจะเป็นคนฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง”
โจฮันออกจากห้องไป
ผมมองตรงไปที่เซปท์
“มันไม่สำคัญว่าแผนการของเราจะเป็นอย่างไร”
ผมพูดขึ้น
“ฝ่าบาทอาจจะตายเสียเสียก่อนที่เราจะทันไปช่วยพระองค์”
เซปท์ส่ายหัวที่เต็มไปด้วยผมขาวของเขาอย่างฉุนเฉียว
“ เจ้าต้องเป็นกษัตริย์แห่งรูริทาเนียต่อเป็นเวลา
1 ปี”
“บางที่หนึ่งในคนของดยุค
ไมเคิลอาจจะทรยศเขาก็เป็นได้”
ผมเริ่มมีความหวัง
“ไม่มีทาง”
เซปท์ตอบ
“ถ้าเช่นนั้น
พวกเราเหลือเพียงต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าเท่านั้น”
ผมตอบ
ตอนที่
10
กลางคืนภายนอกปราสาท
ผมอยากให้ดยุค
ไมเคิลนึกว่าผมยังคงป่วยต่อไป
ดังนั้นพวกเราจึงบอกทางหนังสือพิมพ์ว่าพระราชาได้รับอุบัติเหตุที่รุนแรงมาก
เมื่อเจ้าหญิงฟลาเวียอ่านข้อความนี้
หล่อนเป็นกังวลมากและตัดสินใจมาพบผม
แม้แต่มาร์ชาลก็ยังห้ามเธอไม่ได้
ถึงแม้ว่าผมจะกลัวแทนเธอ
แต่ผมก็ตื่นเต้นเหลือเกินแค่คิดว่าจะได้เจอเธออีกครั้ง
เราใช้อยู่ด้วยกันสองต่อสออย่างมีความสุข
พวกเราได้ส่งโจฮันกลับไปยังปราสาทแห่งเซนดาและทันใดนั้นเราก็ได้รับจดหมายจากเขา
ว่าฝ่าบาทพระองค์จริงนั้นกำลังป่วยหนักมาก
“ผมต้องไปช่วยพระองค์”
ผมพูดกับตัวเอง
“ผมรักฟลาเวียมากขึ้นทุกวันๆ
ผมไม่สามารถให้เป็นอย่างนี้อยู่ต่อไปได้อีกแล้ว”
ผมพูดกับเซปท์
ซึ่งเขาเห็นด้วย
พวกเราจึงเริ่มวางแผน
ในตอนดึกของคืนต่อมา
เซปท์
ฟริทส์
และผม
พร้อมด้วยผู้คนอีกมากว่า
6 ควบม้าออกจากเมืองมุ่งตรงไปยังปราสาทแห่งเซนดา
เซปท์นั้นพกเสื้อยาวไปด้วย
ส่วนผมนั้นพกท่อนไม้ที่สั้นและหนาและยังมีดพกติดตัวไปด้วย
คืนนั้นมืด
ชื้นและยังลมแรง
พวกเราอยู่ห่างจากตัวเมืองและไม่พบใครเลย
เมื่อพวกเรามาถึงยังอุโมงค์นั้น
พสกเราหยุดอยู่ใกล้กับต้นไม้และคนของพวกเราได้ซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นพร้อมกับม้า
เซปท์ได้ผูกเชือกไว้รอบๆต้นไม้ต้นหนึ่งใกล้กับแม่น้ำ
ผมถอดรองเท้าบูทออก
คาบท่อนไม้ไว้ในปากและค่อยๆไต่เชือกลงไปในน้ำ
เพื่อที่จะมองลอดผ่านเข้าไปในท่อ
วันนั้นเป็นวันที่อุ่นและสดใสมาก
น้ำจึงไม่ค่อยเย็นนัก
อย่างช้าๆและอย่างระมัดระวัง
ผมว่ายไปรอบๆตัวกำแพงของปราสาท
มีแสงไฟลอดออกมาจากตัวอาคารหลังใหม่
และบางครั้งผมยังได้ยินเสียงผู้คนตะโกนและหัวเราะ
“ นั่นต้องเป็นรูเพิร์ทหนุ่มและสหายของมันแน่”
ผมคิด
ทันใดนั้นเอง
ร่างดำทมึนก็ปรากตอยู่เบื้องหน้าผม
เป็นท่อน้ำนั่นเอง
ก้นของมันกว้างมากและยื่นไปยังคูน้ำ
ที่นั้นผมเห็นบางอย่างวึ่งกำลังตรงมายังผม
จนทำให้หัวใจผมเกือบหยุดเต้น
เป็นเรือและในเรือนัน้มีชายอยู่คนหนึ่ง
มีปืนวางอยู่ข้างๆ
ทว่าช่างโชคดีที่เขาหลับอยู่
เงียบที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
ผมเข้าไปใกล้เขา
ชายคนนั้นยังคงหลับอยู่
ผมควรทำอย่างไรดี
ผมจำเป็นต้องช่วยฝ่าบาท
ผมดึงมีดออกมาและเสียบมันทะลุเข้าไปในหัวใจของชายที่กำลังหลับอยู่
อีกด้านหนึ่งของปราสาทนั้นพวกมันยังคงร้องเพลง
ผมมีเวลาน้อยมาก
อาจมีใครจู่โจมได้ทุกเวลา
ผมองขึ้นไปยังที่ๆท่อทะลุผ่านกำแพงไปยังห้องขัง
ผมเห็นแสงไฟบางๆตรงขอบด้านล่าง
ผมได้ยินเสียงของดีชาร์ท
จากนั้นก็ได้ยินเสียงของฝาบาทตอบกลับ
จากนั้นไฟก็ดับลงและในความมืดนั้นเอง
ผมได้ยินเสียงฝ่าบาทร้องไห้
ผมไม่ได้เรียกพระองค์
ผมต้องออกจากตรงนี้อย่างปลอดภัยและนำร่างของยามที่ตายไปด้วย
ผมปีนเข้าไปในเรือและเริ่มกลับไปยังที่ๆคนของผมซ่อนตัวอยู่
ไม่มีใครสามารถได้ยินผมเพราะลมแรงมาก
แต่จากตรงไหนสักแห่งเบื้องหลังผม
ผมได้ยินเสียงตะโกน
ใครบางคนกำลังเรียกยามคนนั้น
ผมที่อยู่ยังฝั่งของคูน้ำที่ซึ่งเซปท์และฟริทส์รออยู่
ผมพันเชือกรอบร่างของชายคนนั้นและทั้งฟริทส์และเซปท์ช่วยกันดึง
และผมก็ได้ปีนเชือกขึ้นไปด้วยตัวของผมเอง
“เรียกคนของพวกเราตรงต้นไม้”
ผมกระซิบ
“ เร็วเข้า”
แต่ทันใดนั้นเอง
ชายสามคนควบม้ามจากด้านหน้าของปราสาท
โชคดีที่พวกมันไม่เห็นเรา
หากแต่ได้ยินเสียงคนของเราขี่ม้าออกจากต้นไม้ที่ซ่อน
พร้อมเสียงตะโกน
พวกมันควบตรงมายังพวกเขา
วินาทีต่อมา
พวกเราได้ยินเสียงปืน
ผมรีบวิ่งไปช่วยคนของผม
เซปท์และฟริทส์ตามมาสมทบ
“ฆ่าพวกมัน”
เสียงร้องสั่ง
เป็นเสียงของรูเพิร์ท
“สายไปแล้ว”
พวกมันจับพวกเราไว้หมดแล้ว”
อีกเสียงร้องขึ้น
“ช่วยตัวเองเสีย รูเพิร์ท”
ผมวิ่งต่อไป
พร้อมกับท่อนไม้ในมือ
ทันใดนั้นผ่านความมืด
ผมเห็นม้ากำลังวิ่งตรงมาทางผม
ผมกระโดดเข้าไปยังหัวม้า
และเห็นใบหน้าของเบื้องหน้าผม
“ ในที่สุด”
ผมตะโกน
“ รูเพิร์ทแห่งเฮนต์ซอ”
เขามีเพียงดาบ
แต่คนของผมกำลังมาเพื่อจับเขาจากทุกด้าน
รูเพิร์ทหัวเราะ
“ ก็แค่นักแสดงล่ะวะ” เขาร้อง
พร้อมกับดาบในมือเขากระแทกท่อนไม้จากมือผม
และหันหัวม้า
ควบไปยังคูน้ำและกระโดดลงน้ำพร้อมกับกระสุนของพวกเราที่ปลิวว่อนรอบๆหูของเขา
คนของเราพยายามที่จะฆ่าเขาเสียในน้ำ
แต่มันมืดเกินไป
ไม่มีแสงจันทร์
พวกเราจึงคลาดเขา
พวกเราฆ่าคนไปได้สองคนจากหกคน
ลองแกรมและคราฟสไตน์
แต่ผมโกรธมาก
เพราะสามในเพื่อนที่กล้าหาญของเราตายด้วยเช่นกัน
พวกเราพาพวกเขากลับบ้านด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง
และไม่ชอบเหลือเกินที่จะได้ยินรูเพิร์ทเรียกว่า
นักแสดง แน่นอนว่า
ไมเคิลและผมไม่สามารถให้ประชาชนรู้ความจริงว่าพวกเราเป็นศัตรูกันได้
ดังนั้น
ในเวลากลางวันจะเป็นการปลอดภัยที่จะอยู่บริเวณในเมืองของเซนดา
วันหนึ่ง
ไม่นานหลังจากวันที่พวกเราของภายนอกปราสาท
เจ้าหญิงฟลาเวียและผมขี่ม้าเข้าเมือง
เราเห็นกลุ่มคนแต่งชุดดำมุ่งหน้าไปที่โบสถ์
รูพิร์ทแห่งเฮนต์ซออยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
เมื่อเขาเห็นพวกเรา
เขาหันหัวม้าและขี่มาที่เรา
“พิธีศพของสหายรักข้า
ลองแกรม”
เขาพูด
เพื่อคลายข้อสงสัยของเรา
“ข้าเสียใจด้วยกับการตายของสหายเจ้า”
ผมพูดกับเขา
“ข้าเองก็เสียใจด้วยเช่นกัน”
ฟลาเวียเสริม
ดวงตาสีฟ้าคู่งามของเขาหม่นหมอง
รูเพิร์ทมองไปยังเธอแลยิ้ม
จากนั้นเขาก็ขี่ม้าจากไป
แม้ผมจะไม่พอใจที่เขายิ้มให้ฟลาเวีย
ผมก็ตามเขาไป
“ เจ้าสู้อย่างกล้าหาญมากคืนก่อนนี้”
ผมพูด
“ เจ้ายังหนุ่มนัก ร่วมือกับข้าช่วยฝ่าบาท
แล้วข้าจะช่วยเจ้า”
หากแต่รูเพิร์ทกลับไม่สนใจ
“ ไม่” เขาตอบ
“ ถ้าพวกเขาตายเสียทั้งคู่
ฝ่าบาทและดยุค
ตัวเจ้าเองก็จะกลายเป็นกษัตริย์และแต่งงานกับเจ้าหญิง
ข้าเองก็จะรวยและสามารถอยู่กับหญิงที่ข้าพึงใจได้”
“ อังตัวเนต
เดอ
มัวบาน
รึ”
ผมถามอย่างระมัดระวัง
พยายามที่จะไม่แสดงความสนใจ
“ ถูกแล้ว”
รูเพิร์ทตอบ
“ ข้าเกลียดไอ้ดยุค หล่อนรักมัน
ไม่ใช้ข้า”
ด้วยความโมโห
เขากลับเข้าไปร่วมพิธีศพอีกครั้งนึง
น่าแปลก
เมื่อพวกเรากลับถึงบ้านก็มีจดหมายถึงผมจากอังตัวเนต
“ข้าเคยช่วยท่านไว้ครั้งหนึ่ง
ตอนนี้ถึงคราวท่านต้องช่วยเหลือข้าบ้างแล้ว
ช่วยข้าจากที่ๆเลวร้ายแห่งนี้ด้วย
ช่วยข้าจากพวกฆาตกรเหล่านี้”
ผมรู้สึกเห็นใจเธอมาก
แต่ผมจะทำอะไรได้เล่า
ตอนที่
11
แผนร้าย
วันหนึ่ง
โจฮันมาบอกกับพวกเราว่า
ฝ่าบาททรงประชวรหนักมาก
แอนโทเนตและคุณหมอกำลังดูแลอยู่
แต่
ดยุคไม่เคยปล่อยให้
รูเพิร์ทอยู่ตามลำพังกับ
แอนโทเนต
ฉันเข้าใจดีว่าทำไม
หลังจากที่รูเพิร์ทเคยบอกฉัน โจฮันบอกพวกเราในปราสาทมักจะมีเสียงความโกรธเช่นกับวันนี้
สองคนในหกนักฆ่าได้เสียชีวิต
แต่สองคนนั้นคือคนที่เฝ้าฝ่าบาทอยู่ตลอด
อีกสองคนนอนหลับอยู่ในห้องพักดังกล่าวแต่สามารถได้ยินเสียงพวกเขาหากพวกเขาเรียก
ดีชาร์ตและเบอร์ซอนิน
เป็นคนเฝ้าในตอนกลางคืน
ส่วนรูเพิร์ทและดีเฝ้าตอนกลางวัน
ห้องของดยุคอยู่ชั้นล่างในอาคารหลังใหม่ของปราสาท
และห้องของแอนโทแนตก็อยู่บนชั้นเดียวกัน
แต่ในตอนกลางคืนดยุตล็อคประตูห้องของเธอไว้
และยกสะพานขึ้นเขาเก็บกุญแจไว้กับตัวเองเสมอส่วนโจฮันหลับตรงหน้าประตูของปราสาทหลังใหม่พร้อมกับคนของดยุคอีกห้าคน
แต่พวกเขาไม่ได้พกปืน
พวกเราไม่ต้องรอนานอีกต่อไป
“ฟังสิ”
ผมบอกโจฮัน
“ผมจะทำให้คุณกลายเป็นเศรษฐีถ้านายทำตามที่ผมบอก” โจฮันพอใจ
“คุณจะต้องนำกระดาษนี้ไปให้
มาดามแอนโทแนต”
ผมบอก
“และพรุ่งนี้
2 โมงเช้า
คุณต้องเปิดประตูด้านหน้าของปราสาทหลังใหม่
บอกคนอื่นๆว่าคุณต้องการอากาศ
หรือ
บางสิ่งบางอย่าง
และหนี”
โจฮันเกิดความกลัวอย่างเห็นได้ชัด
แต่เขาดูเหมือนว่าจะเข้าใจ
ผมอธิบายแผนของให้เซปท์และฟริทส์รับรู้
ผมบอกว่า
““เมื่อโจฮันเปิดประตู” “เซปท์และคนของเขาจะวิ่งเข้าไปด้านในปราสาทและจับตัวผู้ชายที่หลับอยู่ในนั้น” ในเวลาเดียวกัน
แอนโทแนตจะกรีดร้องเสียงดังลั่นหลายต่อหลายครั้ง
เธอจะร้อง
“ช่วยด้วย
ช่วยฉันด้วย
ไมเคิล” และเธอจะตะโกนชื่อรูเพิร์ทออกมา
ดยุค
ไมเคิลจะได้ยินและวิ่งออกมาจากห้องของเขา
เซปท์จะวิ่งตรงเข้าไปเอากุญแจจากดยุคและกระโดดสะพาน
รูเพิร์ทและดี
จะได้ยินเสียงและรีบวิ่งข้ามสะพาน
ผมจะซ่อนอยู่ในคูที่สะพาน
และเมื่อพวกเขาข้ามสะพานมา
ผมจะฆ่าพวกเขา
ฉะนั้นพวกเราจะต้องรีบวิ่งเข้าไปในห้องที่ฝ่าบาทประทับอยู่
และจัดการดีชาร์ตกับเบอร์ซอนิน
ก่อนที่พวกเขาจะสังหารฝ่าบาท””
เสียงต่างๆในความมืดมันคือแผนการที่อันตรายมาก
และผมไม่มั่นใจกับสิ่งที่จะทำ
แต่พวกเราต้องสู้
บ่ายวันก่อนผมได้ไปหาฟลาเวีย
เธอมีท่าทีที่ครุ่นคิดหนัก
และผมก็ได้ออกมา
เธอสวมแหวนบนนิ้วของผม
ซึ่งตอนนี้ผมได้สวมแหวนของพระราชาอยู่
และผมถอดแหวนตระกูลราเซนดิลของผมออกและมอบมันให้กับเธอ
“สวมมันเพื่อผมตลอดไป”
ผมพูด
เธอจูบแหวนและรับปากผมอย่างหนักแน่น
“ฉันจะสวมมันจนวันที่ฉันตาย”
และผมจำเป็นต้องจากเธอมา
ผมพร้อมที่จะบอกมาเชลล์
ว่าถ้ามีบางอย่างเกดขึ้นกับพระราชา
เขาต้องพาฟลาเวียไปยังเสตรลซอร์
บอกกับประชาชนว่า
ดยุค
ไมเคิล
ได้สังหารพระราชา
และฟลาเวียจะกลายเป็นพระราชินี
ผมรู้ว่านี่มันน่าจะวันสุดท้ายของผม
ตอนที่12
นักโทษและพระราชา
เราต้องการบรรยากาศที่ไม่ดี
แต่มันกลับดีท้องฟ้าปลอดโปร่ง
ตอนเที่ยงคืนเซปท์,
ฟริทส์
และคนขอพวกเขาออกไปและขี่ม้าอย่างเงียบๆเหยียบบนแผ่นไม้ป่านไปยังปราสาท และถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
พวกเขาจะรอเวลาประมาณ
01:45 เพื่อให้โจฮันเปิดประตูด้านหน้า
ฟริทส์น่าจะเข้ามาจากประตูดานข้างของปราสาทเพื่อมาหาผม
ถ้าผมไม่อยู่
หรือผมตายไป
และพระราชาก็เช่นกัน
เซปท์และคนของเขาจะกลับมาทไปบ้านเทอร์เลนเฮียม
และกลับมาพร้อมกับ
มาร์ชาลและคนอีกจำนวนมากบุกเข้าไปในปราสาท
ดังนั้น
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
ผมจะออกจากบ้านเทอร์เลนเฮียมโดยใช้ทางที่ใกล้กว่าเซปท์
เมื่อผมถึงคู
ผมจะซ่อนม้าไว้หลังต้นไม้
ผูกเชือก้าไว้ที่ต้นไม้ใหญ่แข็งแรง
และผมกระโดลงไปในน้ำ
โดยช้าๆผมเริ่มว่ายน้ำไปด้านล่างของกำแพงปราสาท
ตอนนี้
00:45 ผมเข้ามาในท่อและรออย่างเงียบๆในเงามืด
แสงสวางนั้นมาจากหน้าต่างของดยุค
ไมเคิล ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามผมในคูน้ำ
และผมก็เห็นภายในห้อง
หน้าต่างบานถัดมา
ซึ่งโจฮันเคยบอกว่า
มันเป็นห้องของแอนโทแนต
ซึ่งมืดมาก หน้าต่างของดยุคเปิดอยู่
และแอนโทแนตมองออกมา
ด้านหลังของเธอคือผู้ชายคนหนึ่ง
“รูเพิร์ทมาทำอะไรที่ห้องของดยุค”
ผมสงสัย
รูเพิร์ทพยายามโอบรอบๆตัวของแอนโทแนต
แต่เธอผละออกอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้น
ผมได้ยินประตูห้องเปิด
และ”ด้ยินเสียงของดยุค
ไมเคิล
ที่กำลังโกรธ
“แกมาอะไรที่นี่”
เขาตะคอก
“มารอท่านครับ”
รูเพิร์ทตอบกลับอย่างเร็ว
“ฉันไม่ควรปล่อยให้เธออยู่ตามลำพัง”
“ใช่
ตอนนี้แกไปนอนได้ล่ะ
ดีชาร์ตและเบอร์ซอนินกำลังเฝ้านักโทษอยู่เหรอ
”
“ใช่แล้วครับ”
หลังจากนั้นไม่นาน
รูเพิร์ทข้ามสะพานและมันก็ถูกดึงขึ้น
แสงสว่างจากห้องของดยุคหายไป
และกลับมาสว่างในห้องของแอนโทแนต
ในความมืดอันเงียบงัน
ผมก็รอ
ประมาณ
10 นาทีทุกอย่างกลับเข้าสู่ความเงียบ
แต่ทันใดนั้นผมได้ยินเสียงจากคูน้ำใกล้ๆผม
เงารูปร่างประตูทางออกสู่สะพานปรากฏขึ้น
ตอนนี้ผมเริ่มปีนหลบที่กำแพง
มันคือรูเพิร์ทอีกครั้ง
กับดาบของเขา
เขาลงมาในน้ำด้วยความเงียบและว่ายน้ำข้ามคู
แล้วเขาก็ปีนออกไปและได้ยินเสียงเขาล็อกประตู
มันชัดเจนที่รูเพิร์ทคือเจ้าของความลับสำหรับแผนการในคืนนี้
มันไม่นานนักที่โจฮันเปิดประตูด้านหน้าสำหรับเพื่อนๆของผม
และผมก็ยังนิ่งอยู่เพื่อรอ
ผมปีนขึ้นไปที่ประตูทางออกของสะพานและแอบอยู่ในมุมมืด
ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครผ่านเข้าออกที่ปราสาทหลังเก่าและผมก็ไม่ต้องต่อสู้กับใคร
ผมสงสัยมากกับสิ่งที่รูเพิร์ททำเมื่อกี้นี้
และนาทีต่อมาผมก็เขอทางออก
นั่นคือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
และเสียงกรีดร้องของผู้หญิงก็ลั่นขึ้นในคืนนี้
“ช่วยด้วย
ช่วยฉันด้วย
ไมเคล
รูเพิร์ท......”
นั่นคือถ้อยคำที่ผมเขียนถึงเธอ
แต่เสียงร้องนั่นใกล้เคียงความจริงมาก
และทันใดนั้นผมได้ยินเสียงโวยวายกับเสียงต่อสู้กันในห้องของแอนโทแนต
รูเพิร์ทปรากฏขึ้นที่หน้าต่าง
ด้านหลังของเขามันคือการสู้รบ
“และนี้สำหรับแกโจฮัน”
ผมได้ยินเสียงเขาร้องไห้
“เข้ามาสิไมเคิล”
โจฮันอยู่ที่นั่นด้วยกำลังต่อสู้อยู่กับดยุค
“เปิดประตูให้เซปท์ได้อย่างไร”
คนของดยุคจำนวนมากวิ่งเข้ามาในห้องและเสียงการต่อสู้ก็ยิ่งดังขึ้น
ทันใดนั้นรูเพิร์ทหัวเราะด้วยความสะใจ
ในมือของเขาถือดาบและกระโดดลงมาในคูน้ำด้านล่าง
ตอนนี้ประตูของปราสาทเก่าก็เปิดออก
และดีชาร์ตปรากฏตัวขึ้นข้างๆผม
ผมกระโจนเข้าไปที่เขาพร้อมกับดาบ
แล้วเขาก็ตายตรงประตูทางออกด้วยความเงียบ
ด้วยความเร่งรีบผมค้นต้วเขาเพื่อหากุญแจ
แล้วก็เจอมัน
แลในนาทีต่อมา
ผมเข้ามาอยู่ที่ห้องแรก
ที่ที่เบอร์ซอนินและดีชาร์ตฝ้าอยู่
แต่ตอนนี้เหลือเพียงแค่เบอร์ซอนินในห้องก่อนที่เขาจะทำอะไร
ผมก็ปลิดชีวิตเขาทันที
ดีชาร์ตรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องขังพระราชาและล็อคประตูทันที
ผมวิ่งไปแต่ต้องหยุดชะงัก
“จะทำอย่างไรดีตอนนี้”
“พระราชาพร้อมจะโดนสังหารทันที”
พระราชากำลังยืนพิงผนังกำแพง
แต่หมอที่มีความกล้านำชีวิตตัวเองมาปกป้องชีวิตของพระราชา
เพราะว่าผมเขามา
ดีชาร์ตจึงใช้ดาบปักลงตรงร่างของหมอ
ด้วยความโกรธของดีชาร์ตก็หันมาหาผม
เราต่อสู้กันอย่างหนักและยาวนาน
ดีชาร์ตคือคนที่สุดยอดเรื่องการใช้ดาบ
และผมก็เริ่มล้าเขาผลักผมจนชิดกำแพงพร้อมที่จะตัดแขนของผม
กับรอยยิ้มของเขา
เขาต้องการที่จะฆ่าผม
ทันใดนั้นเองพระราชาก็คิดขึ้นได้ว่า
“ฉันเป็นใคร” “ลูกพี่ลูกน้องของรูดอล์ฟ”
เขาพูด
ตอนนั้นเขายกเก้าอี้และขว้างใส่ขาของดีชาร์ต
ชายอังกฤษก็กระโดดเข้ามา
ใช้ดาบแทงไปที่พระราชา
พระราชาร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะร่วงลงไปกับพื้น
ดีชาร์ตตรงมาที่ผมอีกครั้ง
คนต่อไปคือหมอร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นและตายในที่สุด
แต่พระราชาเขาตายแล้วอย่างนั้นเหรอ
ผมไม่มีเวลาได้มองเลย
เพราะตอนนี้ผมได้ยินเสียงสะพานกำลังเลื่อนลง
และรูเพิร์ทก็ยังคงมีชีวิตอยู่
พระราชารอต้องการความช่วยเหลือในขณะที่ผมก็ต่อสู้อยู่กับศัตรูของพระองค์
ผมวิ่งออกไปนอกห้องและขึ้นไปบนสะพาน
และผมก็ได้ยินเสียงคนหัวเราะ
รูเพิร์ทนั่นเองกำลังหัวเราะ
เขายืนอยู่คนเดียวตรงกลางของสะพาน
ถัดไปในประตูทางออกมีกลุ่คนของของดยุคยืนอยู่
พวกเขาดูเหมือนว่ากลัวที่จะเคลื่อนเข้ามา
“ออกมา
ไอ้หมาไมเคิล”
รูเพิร์ทตะโกน
แต่กลับมีเสียงร้องจองผู้หญิงตอบเขากลับมาว่า
“เขาตาย
เขาตายแล้ว”
คนของดยุคที่อยู่ตรงประตูทางออก
วิ่งกรูเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้น
หน้าของเธอขาวซีดสวมชุดยาว
และผมสีดำเข้มเสมอหัวไหล่
มือของเธอถือปืนและยิงมัน
แต้เธอยิงพลาด
รูเพิร์ทหัวเราะ
แอนโทแนตเล็งหน้าเขาและปืนของเธอก็เตรียมพร้อมอีกครั้ง
แต่ก่อนที่เธอจะยิง
รูเพิร์ทกระโดดลงในไปใต้คูน้ำก่อน ตอนนี้ผมได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งด้านในปราสาทหลังใหม่
และเสียงเพื่อนยากของผมกัปตันเซปท์ก็บอกว่า
ยินดีต้อนรับ
ผมรู้ทันทีว่าพระราชาทรงปลอดภัยดีและผมก็ไมต้องการอะไรไปมากกว่านี้
ผมวิ่งออกไปด้านนอกยืนบนสะพานและกรโดดลงคูน้ำ
ผมต้องทำภารกิจกับรูเพิร์ทให้เสร็จ
ผมว่ายน้ำอย่างสุดกำลังและจับดันตัวเขาอยู่ที่มุมปราสาทหลังเก่า
แล้วเขาก็เจอเชือกของผม
เขาปืนขึ้นจากคูน้ำและพร้อมที่จะวิ่งไปยังต้นไม้ที่ผมผูกม้าเอาไว้
ผมวิ่งตามเขาไปอย่างเร็วเท่าที่ผมจะทำได้
เขาหันกลับมามองผมพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ
“ทำไมเหรอ
มันเป็นเพียงแค่การแสดงเอง”
เขาดีใจมากที่พบมาของผม
และเขาก็ขึ้นขี่มันทันที
“ลงไป”
ผมตะโกน
“สู้กันซึ่งหน้า อย่างลูกผู้ชายสิ”
เขาหันกลับมามองผมและรอ
ผมวิ่งตรงเข้าไปหาเขาพร้อมกับดาบในมือ
ไม่ช้าการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
เลือดสาดออกมาจากหน้าของเขาซึ่งเป็นที่ที่ผมฟันลงไป
แต่ผมต้องต่อสู้อย่างหนักในคืนนี้
ตอนนี้เขาต้องการที่จะฆ่าผม
ผมปลอดภัยเพราะฟริทส์
เขาควบม้ารอบปราสาทเพื่อหาตัวผม
เมื่อรูเพิร์ทเห็นฟริทส์กำลังมา
เขารู้ทันทีว่าไม่มีโอกาสชนะ
“ลาก่อน
รูดอล์ฟ
ราเซนเดลล์”
เขาพูด
“เราต้องได้เจอกันอีกแน่”
แล้วเขาก็ขี่มาหายเข้าไปในป่า
ด้วยเสียงหัวเราะและร้องเพลง
ผมรู้สึกแย่
เลือดไหลออกมาจากแขนของผม
ผมไม่สามรถทรงตัวได้
ฟริทส์กระโดลงมาจากม้าเพื่อช่วยประคองผม
“เพื่อนรัก”เขาพูด
“ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ฉันเจอนาย
ในตอนที่โจฮันไม่มา
เราต้องหยุดประตูปราสาท
ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
“และพระราชาจะ.....”เขาพูด
“ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญ”
ฟริทส์บอก
“พระราชายังมีชีวิตอยู่”
ตอนที่
13
ลาก่อนรูริทาเนีย
เซปท์ทำงานหนักมากในการเก็บความลับของพวกเรา
เขาส่งข้อความเพื่อปกปิดและสั่งให้ทุกอย่างเป็นความลับแผนทั้งหมดของเขาประสบความสำเร็จด้วยดี
ไม่มีสิงใดจะสามรถหยุดผู้หญิงที่มีความรักได้
เมื่อเจ้าหญิงฟลาเวียรู้ข่าวว่าพระราชาทรงได้รับบาดเจ็บ
เธอจึงกระวนกระวายกับการอยู่ที่บ้านทาเลนเฮียม
เธอจึงขี่ม้ามายังเซนดา
เซปท์แอบผมไว้ที่ห้องในปราสาทหลังเก่า
แล้วเขากับฟริทส์
ก็พาเธอมาหาผม
ตอนนี้ผมมี่ความสุขมาก
เธอมองผม
เธอกอดคอและจูบผม
“ไม่”
เซปท์ร้องขึ้น
“นี่ไม่ใช่พระราราชา อย่าจูบเขา
”
“เขาคือผู้ชายที่เจ้าหญิงรัก
แต่เขาไม่ใช่พระราชา”
หน้าฟลาเวียเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
“คุณหมายความว่าอะไร” เธอถาม
เธอหันมามองผมอีกครั้ง
“รูดอล์ฟ ทำไมคุณปล่อยให้พวกเขาพูดแบบนี้”
ผมมองตาเธออย่างอ้อนว้อน
“มันคือความจริง” ผมพูดเสียงสั่น
“ผมไม่ใช่พระราชา”
เธอมองผม
เซปท์
และฟริทส์
และจ้องผมอีกครั้ง
เธอนั่งลงกับพื้น
“ผมโกหกเธอ”
“ผมปรารถนาให้รูเพิร์ทฆ่าผมให้ตายเลยตอนนี้”
ผมพูด
ผมไปเจอพระราชาอีกครั้ง
ฝ่าบาทขอบคุณผม
และมอบแหวนราชตระกูลเอล์ฟเบิร์กให้ผม
ถ้าฝ่าบาทสังเกตเห็นแหวนของเจ้าหญิงฟลาเวียบนนิ้วของผม
ฝ่าบาทคงต้องพูดอะไรสักอย่าง
เราทั้งสองต้องรู้ดีว่าเราไม่สมควรจะเจอกันอันอีก
ก่อนผมออกจากรูริทาเนีย
เจ้าหญิงฟลาเวียต้องการจะเจอผมอีกครั้ง
ฟริทส์จึงพาผมไปหาเธอ
พวกเขาได้เล่าทุกอย่างให้เจ้าหญิงฟังแล้ว
เรามีเรื่องมากมายที่จะพูด
แต่เราพูดได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น
เจ้าหญิงไม่ได้อิสระที่จะเลือกคนที่เธอรักได้
“ฟลาเวีย”
ผมพูด
“ผมรักคุณ ผมจะรักคุณจนวันตาย”
และผมก็เดินจากมา
ผมได้ยินเสียงเธอเรียกชื่อผมซ้ำๆ
“รูดอล์ฟ....รูดอล์ฟ.......”
ผมได้ยิน
ผมอยู่อย่างเงียบๆ
แต่ทุกๆปี
ฟริทส์และผมจะเจอกาในเมืองเล็กๆนอกรูริทาเนีย
เขาเล่าเรื่องราวพระราชินีแห่งรูริทาเนีย
มเหสีของพระราชารูดอล์ฟที่5 และทุกปีเขาจะนำดอกกุหลาบแดงพร้อมข้อความบางอย่างมาให้ผม
(รูดอล์ฟ-ฟลาเวีย-ตลอดไป)
และผมก็ส่งมันกลับไปให้เธอเช่นเดียวกัน
ฉันจะได้เจอเธออีกครั้งหรือไม่
ไม่มีใครรู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น