Welcome To Blog Translation การแปล 1 By Massalin Saelee 5681114028

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559



กระบวนการแปล (Process of Translating)
04/01/2016
ปัจจุบันการเรียนภาษาที่สองนอกเหนือจากภาษาแม่เป็นความนิยม และถูกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และภาษาที่คนล้วนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากที่สุดในตอนนี้ คือ ภาษาอังกฤษ ด้วยความที่เป็นสากล สามารถใช้สื่อสารกับคนทั่วโลก ซึ่งสิ่งที่เราจะต้องศึกษานอกเหนือจากการพูดสื่อสารแล้ว คือ ตัวหลักโครงสร้างไวยากรณ์ และเทคนิคที่สำคัญๆทางภาษา และสิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งสิ่งก็คือ การแปล
ทั้งการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย หรือ การแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งในอดีตนั้นการแปลมักใช้กับการแปลคัมภีร์ วรรณกรรม ซึ่งเป็นงานของชนชั้นสูงและเป็นผลงานของผู้ที่มีความสามารถพิเศษ แต่ต่อมามีความต้องการงานแปลในด้านของการทำการค้า และติดต่อต่างๆที่มีปริมาณสูงขึ้น จนงานแปลเป็นผลงานของชนชั้นสามัญทั่วไป ดังนั้นวิธีการที่จะทำงานแปลที่มีคุณภาพและเป็นวิธีที่คนทั่วไปนำเอาไปปฏิบัติได้ และจัดเป็นขั้นตอนที่นักแปลมือใหม่จะทำตามได้ เรียกว่าเป็น “กระบวนการแปล” (translation process) ซึ่งมีตัวอย่าง 2 รูปแบบ คือ ของ Roger T.Bell และ Daniel Gile  Roger T.Bell (Bell’s mode) เป็นการแทนที่ของการนำเสนอผ่านตัวอักษรในภาษาหนึ่ง โดยการนำเสนอใหม่ผ่านเครื่องมือทางภาษาที่สอง กระบวนการที่เกิดขึ้นในการเปลี่ยนภาษาต้นฉบับเป็นภาษาที่แปลเกิดภายในระบบความคิด (memory system) ซึงประกอบไปด้วย 2 ขั้นตอนหลักๆคือ Analysis การวิเคราะห์ภาษาต้นฉบับ ออกมาเป็นความหมายที่ยังไม่เป็นภาษา Synthsis การสังเคราะห์ความหมายเป็นภาษาฉบับแปล
ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ (Analysis)
1.1 การวิเคราะห์โครงสร้าง เป็นการอ่านต้นฉบับในระดับอนุประโยค แล้ววิเคราะห์แยกออกเป็นโครงสร้าง โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างภาษาที่เก็บไว้ในคลังความจำ
- ตัวอย่าง The dog bit the man. = Subject + Predicate + Object (SPO)
1.2 การวิเคราะห์เนื้อหา เป็นการใส่เนื้อหาให้กับโครงสร้างที่ได้มาจากการวิเคราะห์โครงสร้าง แล้วจะวิเคราะห์ว่าอนุประโยคนี้เกี่ยวกับอะไร
1.3 การวิเคราะห์การใช้ภาษา (Pragmatic Analysis) จะดำเนินวิเคราะห์ 2 อย่างคือ
- แยกเนื้อหาหลัก (thematic structure)
- วิเคราะห์ลีลาภาษา (register structure) โดยแยกออกเป็น
Tenor of discourse : ความสัมพันธ์ระหว่างผู้รับและผู้ส่งสาร ซึ่งแสดงด้วยภาษาที่ผู้สงสารเลือกใช้
Mode of discourse : ประเภทการเขียนที่ใช้
Domain of discourse : ความครอบคลุมของข้อความความมุ่งหมายที่ผู้ส่งสาร ต้องการสื่อสารด้วยข้อความนี้
ลักษณะการวิเคราะห์ในรูปแบบนี้ Bell เปรียบเสมือนการนำก้อนน้ำแข็งมาทุบย่อย แล้วนำไปแช่แข็งให้กลับเป็นก้อนใหม่ ซึ่งเป็นน้ำแข็งอีกก้อนแต่มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ
ขั้นตอนที่ 2 การสังเคราะห์ (Synthesis) เป็นการสร้างข้อความที่ถ่ายทอดความหมายทั้งหมดหรือบางส่วนของต้นฉบับ ในขั้นตอนนี้ ประกอบด้วยการสังเคราะห์ 3 แบบ คือ
1.1 Pragmatic Synthesis พิจารณาว่าจะรักษาหรือเปลี่ยนแปลงต้นฉบับในด้านความมุ่งหมาย เนื้อหาหลัก และลีลาภาษา
2.2 Semantic Synthesis ดำเนินการสร้างโครงสร้างที่บรรจุเนื้อหาของข้อความ เพื่อส่งต่อให้ขั้นตอนต่อไป
2.3 Syntactic Synthesis จะตรวจสอบความเหมาะสมของความหมาย และประเภทของข้อความ และส่งไปยังระบบการเขียนเพื่อเรียบเรียงข้อความในภาษาการแปล
            Deniel Gile (Gile’s model) เป็นรูปแบบที่อธิบายกระบวนการที่นักแปลอาชีพใช้ในการดำเนินการเปลี่ยนภาษาต้นฉบับเป็นภาษาฉบับแปล เพื่อใช้ในการฝึกฝนผู้เรียนแปล
ขั้นตอนที่ 1 ความเข้าใจ (Comprehension) การแบ่งข้อความที่อ่านออกเป็นหน่วยเดี่ยว ( a single unit ) ประกอบด้วย meaning hypothesis เป็นขั้นตอนที่นักแปลให้ความหมายชั่วคราว ขั้นตอนนี้เป็นกระบวนการภายในความคิดในการกำหนดความหมาย นักแปลใช้ทั้งความรู้ภาษาต้นฉบับ ความรู้ทั่วไป Gile เน้นว่า หากนักแปลมีความเข้าใจต้นฉบับเพียงความหมายของคำหรือโครงสร้างภาษาเท่านั้น ย่อมไม่สามารถสร้างงานแปลที่ดีได้ วิธีเดียวที่จะทำให้นักแปลมั่นใจว่าเข้าใจได้ดีที่สุด คือ การวิเคราะห์ต้นฉบับอย่างรอบคอบ
ขั้นตอนที่ 2 การสร้างใหม่ (Reformulation) เมื่อนักแปลมั่นใจในความหมายของ Translation Unit ก็จะแปลออกมาเป็นภาษาฉบับแปล ด้วยการใช้ความรู้ภาษาฉบับแปล จะตรวจสอบว่าบทแปลในแง่การยอมรับด้านภาษา ที่เหมาะสมและการใช้ศัพท์เฉพาะ ตรวจสอบความถูกต้องกับต้นฉบับอีกด้วย
            จากการศึกษารูปแบบกระบวนการแปลของนักวิชาการด้านการแปล 2 ท่าน คือ Bell’s mode และ Gile’s model สามารถนำมาปรับเป็นรูปแบบกระบวนการแปลได้ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ต้นฉบับ Analyzing เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของต้นฉบับที่จะสามารถแปลได้โดยแยกจากหน่วยอื่นๆ มีขนาดตั้งแต่ระดับคำจนไปถึงระดับประโยค มักแบ่งตามหน่วยหน่วยทางไวยากรณ์ จะช่วยให้นักแปลทำหน้าที่ผู้อ่านต้นฉบับได้รับข้อมูลที่สื่อสารผ่าน Translation Unit ได้ทุกด้านไม่ว่าจะเป็นความหมายเชิงโครงสร้างหรือความมุ่งหมายของการสื่อสาร ผลที่ได้จากการขั้นนี้จึงเป็นความเข้าใจต้นฉบับ
ขั้นตอนที่ 2 การแปลต้นร่าง Drafting การหาภาษาฉบับแปลที่มีความหมายเทียบเคียงภาษาต้นฉบับสามารถแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. Finding equivalence at word and phrase level เป็นการหาคำหรือวลีที่มีความหมายเหมือนต้นฉบับ แต่หากไม่มีคำในภาษาฉบับแปลที่มีความหมายตรงตามต้นฉบับ Nida (1974) เสนอวิธีการหาคำที่มีความหมายใกล้เคียงที่สุดด้วยวิธี componential analysis ซึ่งเป็นการวิเคราะห์หารายละเอียดของคำ
2. Fading equivalence at the level of grammar ข้อแตกต่างทางโครงสร้างของภาษาฉบับแปลและภาษาต้นฉบับอาจทำให้เนื้อหาที่ต้องการสื่อสารเปลี่ยนไป ดังนั้นนักแปลจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ของทั้งสองภาษา หรือมีความรู้ว่าโครงสร้างในภาษาฉบับแปลโครงสร้างใดที่สามารถแทนที่โครงสร้างภาษาต้นฉบับ ตัวอย่างเช่น ในประโยคภาษาไทย พวกเขารอนแรมมาในทะเล แปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยการใช้ present perfect tense ว่า They have been at sea. เพื่อบอกว่าเป็นการกระทำที่กินเวลาและต่อเนื่อง ซึ่งในไวยากรณ์ภาษาไทยไม่มีเรื่อง tense เช่นนี้
3. Finding equivalence at the level of text เป็นการเชื่อมโยงส่วนประกอบของประโยคหรือข้อความ
ขั้นตอนที่ 3 การปรับแก้ไข (Revising) งานแปลที่ดีมีคุณภาพนั้นจะต้องมีการใช้ภาษาฉบับแปลที่เขียนเทียบเท่าต้นฉบับ และเป็นภาษาที่เป็นธรรมชาติของภาษาฉบับแปล เมื่อ แปลต้นร่างทั้งฉบับเสร็จสิ้นลง ผู้แปลควรตรวจสอบแก้ไขผิด และข้อบกพร่องต่างๆ ที่เห็นได้ชัดเจน เช่น การสะกดคำ ไวยากรณ์ จากนั้นหากมีเวลาผู้แปลควรทิ้งงานไปชั่วครู่ เพื่อผละออกจากต้นฉบับแล้วกลับมาอ่านงานแปลถ่ายทอดเนื้อหาต้นฉบับไครบถ้วน ไม่มีเนื้อหาใดขาดหายไป หรือไม่มีเนื้อหาที่ผิดไปจากต้นฉบับ
            จากกระบวนการด้านการแปลทั้ง 2 รูปแบบ กระบวนการแปลของ Bell มีแนวคิดพื้นฐานว่าการแปล เป็นกระบวนการข้อมูลข่าวสารของมนุษย์ (human information processing) ซึ่งเกิดอยู่ในบริเวณทางจิต (psychological domain) เป็นความจำทั้งระยะสั้นและระยะยาว (short – term – and long- term memory) ใช้การตีความหมาย (non – language specific semantic representation) เป็นเครื่องมือในการถอดความหมาย (decode) ของภาษาต้นฉบับ และใส่ความหมาย (encode) เป็นภาษาฉบับแปล กระบวนการแปลนี้ดำเนินการทำกับหน่วยของภาษาระดับอนุประโยค (clause) และขั้นตอนการดำเนินการทำได้ทั้งบนสู่ล่าง (top-down) และล่างสู่บน (bottom-up) การดำเนินการในแต่ละขั้นตอนไม่จำเป็นต้องเสร็จสิ้นก่อนจึงจะดำเนินการในขั้นต้อไป ส่วนการวิเคราะห์ในรูปแบบของ Gile กล่าวไว้ว่าการวิเคราะห์ต้องทำมากกว่าการทำข้อความที่คลุมเครือให้ชัดเจนเท่านั้น และต้องทำจนถึงขั้นเข้าใจความหมายอย่างราบรื่น ทั้ง2 รูปแบบสามารถนำมาปรับและประยุกต์เป็นกระบวนการการแปลที่สามารถพัฒนาทักษะทางด้านการแปลของตัวเองได้อย่างดี





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น