Welcome To Blog Translation การแปล 1 By Massalin Saelee 5681114028

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558



การฝึกทักษะ....นอกห้องเรียน
12 : 20/10/2015
ฝึกทักษะด้านการฟัง
 
          จุดเริ่มต้นของการใช้ภาษาอังกฤษมักเริ่มต้นจากทักษะการฟัง ทักษะการฟังจะเป็นกระบวนการรับข้อมูล การรับข้อมูลจะมีประโยชน์และสามารถนำไปต่อยอดได้อีกหลากหลายทักษะ ดังนั้นเราต้องพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษก่อน และต้องฝังประโยคซ้ำๆหลายๆรอบจนขึ้นใจแล้วพูดตาม ออกเสียงตามให้เหมือนที่สุด อาจไม่เข้าใจความหมายหรือคำแปล การฟังภาษาอังกฤษถือเป็นทักษะที่สำคัญที่สุด และพัฒนายากที่สุด ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของคนไทยส่วนใหญ่รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมดของการเรียนภาษาอังกฤษของคนไทย ภาษาไทยที่เราพูด, อ่าน, และเขียนได้ในปัจจุบันมีพื้นฐานมาจากอะไร ก็มีพื้นฐานมาจากการฟัง ฟังจนเข้าใจในสิ่งที่เราได้รับฟังมาล้อเลียนเสียงนั้น (คือการพูดตาม) จนพูดได้ หลังจากนั้นจึงเริ่มการเขียน แล้วจึงตามมาด้วยการอ่าน เช่นเดียวกันหากเราได้ฟังภาษาอังกฤษหลายๆ รอบ บ่อยๆ จนจำขึ้นใจแล้ว เราจะพบว่าเราสามารถฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องและเข้าใจโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อีกด้วย
          ทักษะการฟัง หมายถึง ความสามรถในการจับประเด็นใจความหลักจากสิ่งที่ได้ฟังอย่างถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งเป็นกระบวนการที่สลับซับซ้อน ผู้เรียนต้องเข้าใจสาระสำคัญจากสิ่งที่พูด อารมณ์และความคิดเห็นของผู้พูด และสามรถตอบสนองระบุความสามารถความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูด หรือ บริบทของการพูดได้ ทักษะการฟังภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องฝึกฝนให้ผู้เรียนเกิดความชำนาญ และมีความสามารถในการฟังอย่างเข้าใจในสารที่ได้รับฟัง ครูผู้สอนมีความรู้และเทคนิคในการสอนทักษะการฟังอย่างไร จึงจะสามารถจัดการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนได้ประสบผลสำเร็จ
          สื่อสารในชีวิตประจำวัน การฟังนับว่าเป็นทักษะรับสารที่สำคัญทักษะหนึ่ง เป็นทักษะที่ใช้กันมากและเป็นทักษะแรกที่ต้องทำการสอน เพราะผู้พูดจะต้องฟังให้เข้าใจเสียก่อนจึงจะสามารถพูดโต้ตอบ อ่าน หรือ เขียนได้ ทักษะการฟังจึงเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในการเรียนรู้ทักษะอื่นๆ ดังนั้นในการเรียนการสอนนักเรียนจึงควรได้รับการฝึกฝนทักษะการฟังอย่างเพียงพอ และจริงจังคุณค่าของการฟัง เป็นเรื่องสำคัญมากที่เด็กๆ จะต้องฟังภาษาอังกฤษที่เหมาะสมระดับของตนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ภาษาควรจะง่ายสำหรับเด็กและอยู่ในระดับปัจจุบัน หรือเหนือระดับที่เข้าใจแล้วเล็กน้อย ถ้าระดับยากเกินไป เด็กอาจสูญเสียความมั่นใจและทัศนคติด้านบวกก็ได้
          การฟังในชีวิตประจำวันของคนเราจะเกิดขึ้นได้ใน 2 กรณี คือการฟังที่ได้ยินมิได้ตั้งใจในสถานการณ์รอบตัวทั่วๆไป ( Casual Listening ) การฟังอย่างตั้งใจและมีจุดมุ่งหมาย ( Focused Listening )  จุดมุ้งหมาย หรือ วัตถุประสงค์ของการฟัง คือ การรับรู้แบะทำความเข้าใจในสารที่ผู้อื่นสื่อความสู่เรา ซึ่งเทคนิควิธีปฏิบัติ สิ่งที่สำคัญที่ครูผู้สอนควรพิจารณาในการสอนทักษะการฟังมีอยู่ 2 ประการ คือ สถานการณ์ในการฟัง สถานการณ์ที่ก่อให้เกิดการฟังภาษาอังกฤษได้ควรเป็นสถานการณ์ของการฟังที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง สถานการณ์จริง หรือสถานการณ์จำลองในห้องเรียน ซึ่งอาจเป็น การฟังคำสั่งครู การฟังเพื่อนสนทนา การฟังบทสนทนาจากบทเรียน การฟังโทรศัพท์ การฟังรายการวิทยุโทรทัศน์ วีดีทัศน์
การเราจะฟังสารได้อย่างเข้าใจควรต้องมีข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับสารที่ได้รับฟัง โดยครูผู้สอน อาจใช้กิจกรรมนำให้ผู้เรียนได้มีข้อมูลบางส่วนเพื่อช่วยสร้างความเข้าใจในบริบท ก่อนการรับฟังสารที่กำหนดให้ เช่นการทบทวนคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง อาจทบทวนคำศัพท์จากความรู้เดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งปรากฏอีกในสารที่จะได้รับฟัง เป็นการช่วยทบทวนข้อมูลส่วนหนึ่งของสารที่จะเรียนรู้ใหม่จากการฟัง กิจกรรมระหว่างการฟัง หรือ กิจกรรมที่จะสอนการฟัง (While – listening ) เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติในขณะที่รับฟังสารนั้น กิจกรรมนี้มิใช่การทดสอบการฟัง แต่เป็นการฝึกทักษะการฟัง เพื่อความเข้าใจกิจกรรมระหว่างการฟังไม่ควรจัดกิจกรรมให้เด็กได้ปฏิบัติทักษะอื่น เช่น อ่าน เขียน หรือพูดมากนัก
          กิจกรรมการฟังแล้วจับคู่ภาพกับประโยคที่ได้ฟัง เราจะมีภาพคนละหลายภาพ มีเครื่องหรือครูอ่านทีละประโยค เราก็จะเลือกภาพที่สอดคล้องกับประโยคที่ได้ฟัง โดยการเขียนหมายเลขของลำดับที่ประโยคลงใต้ภาพ ฟังแล้วปฏิบัติตามเสียงที่ได้ยิน เราสามารถแสดงบทบาทตามประโยคที่ได้ยินเสียงแต่ละประโยค หรือข้อความนั้น ฟังแล้วเขียนเส้นทาง ทิศทาว ผู้ฟังมีภาพที่แตกต่างไป หลังจากมีการฝึกการฟังที่เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกการใช้ภาษา ภายหลังที่ได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรมระหว่างการฟัง เช่น อาจฝึกทักษะการเขียน สำหรับผู้เรียนระดับต้นๆ โดยเขียนตามคำบอกจากเสียงที่ได้ยิน เป็นการตรวจสอบความรู้ความถูกต้องของการเขียน คำศัพท์ สำนวน โครงสร้างไวยากรณ์ของประโยคนั้น หรือฝึกทักษะการพูดสำหรับผู้เรียนระดับสูง โดยการให้อภิปรายเกี่ยวกับสารที่ได้ฟัง หรือ อภิปรายเกี่ยวกับอารมณ์หรือเจตคติของผู้พูด เป็นต้น
          ดังนั้น การพัฒนาทักษะการฟัง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากที่สุดที่ต้องได้รัยการพัฒนาก่อนเป็นอันดับแรก การฟังมากๆ ซ้ำๆ นอกจากจะทำให้ทักษะการฟังภาษาอังกฤษดีขึ้นแล้ว ยังทำให้สามารถพูดได้ เมื่อเราพูดออกมาได้แล้ว เราก็หลุดออกจากกับดักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้แล้ว นั่นแปลว่าเราได้เข้าสู่วงจรของการที่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติแล้ว หลังจากนั้นจึงค่อยมาศึกษาคำแปลของประโยคเหล่านั้นและเพิ่มประโยคเหล่านั้นให้มีสะสมในสมองมากขึ้น ลำดับต่อไปจึงฝึกพูดภาษาอังกฤษเป็นประโยคได้เร็วขึ้น เราก็จะสามารถพูดภาษาอังกฤษแบบอัตโนมัติจากจิตใต้สำนึกโดยไม่ติดขัดอีกแล้ว แล้วจึงมาฝึกหรือแก้ไขคำที่เรามักจะออกเสียงผิดไม่ชัดเจน ให้พูดได้ถูกต้องชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตรงนี้อาจต้องอาศัยครูผู้สอนภาษาอังกฤษที่เป็นเจ้าของภาษา เช่นชาวอังกฤษหรือชาวอเมริกันทีมีประสบการณ์มาช่วยสอน เพื่อให้ได้เร็วและมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น