Welcome To Blog Translation การแปล 1 By Massalin Saelee 5681114028

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558



การฝึกทักษะ …… นอกห้องเรียน

11: 13/10/2015

ฝึกทักษะการเขียน


          ทำไมการเขียนภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กไทย ก่อนที่เราจะไปดูวิธีแก้ไขและพัฒนาทักษะการเขียน เราต้องพิจารณาก่อนว่าอะไรคือจุดอ่อน ที่ทำให้เราเขียนไม่ได้ซักที จะแก้ปัญหาได้ตรงจุด แม้ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษจีรูปแบบประธาน + กริยา + กรรม เหมือนกันอย่าง ฉันรักเธอ กับ I love you. แต่เวลาใส่ขยายต่างๆ เข้าไปในประโยคลำดับจะต่างกันอย่างฉันมีกระเป๋าสีแดงก็เป็น I have a red bag. นอกจากนี้เวลาใส่คำขยายต่างๆ เวลาทำเป็นประโยคคำถาม ภาษาอังกฤษก็จะย้ายคำกริยาไว้หน้าประธาน ทั้งที่ภาษาไทยไม่มี เช่น นั่นคือแฟนเธอหรือล่า กับ Is that your boyfriend? หรือเธอชื่ออะไร What is your name? Did his dad tell him not to worry? ประโยคนี้ดูง่ายๆไม่ซับซ้อนเพราะคำศัพท์ก็แปลออก แต่ถ้าให้เขียนเองตั้งแค่แรก หลายคนคงไม่แน่ใจว่าเรียงประโยคยังไงให้อ่านรู้เรื่อง
          ภาษาไทยใช้เครื่องหายวรรคตอนไม่บ่อยมากนัก เมื่อจบประโยคก็ไม่ต้องใส่จุดด้วย แต่ภาษาอังกฤษต้องจบประโยคด้วยจุด เพราะภาษาไทยใช้การเว้นวรรคแสดงการการจบประโยค แต่ภาษาอังกฤษภาษาที่เขียนวรรคทุกคำจึงต้องมีจุดแสดงการจบประโยคด้วย ส่วนในประโยคคำถามในภาษาไทยก็ไม่นิยมใช้เพราะแต่เดิมไทยไม่มีเครื่องหมายปรัศนี (?) จนกระทั่งรู้จักภาษาต่างประเทศ และถือว่าคำไทยที่รวมความเป็นเครื่องหมายคำถามเข้าไปอยู่ในตัวแล้ว จึงไม่ต้องแสดงเรื่องหมายคำถามอีก เช่น กี่, ใคร, อะไร นอกจากนี้ภาษาไทยยังมีไม้ยมก (ๆ), ไปยาลน้อย (ฯ), ไปยาลใหญ่ (ฯลฯ) ที่ภาษาอังกฤษไม่มีใช้ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่จุกจิกเรื่องเครื่องหมายมากมีกฎเยอะแยะไปหมด แต่ภาษาไทยเน้นใช้ วรรคเป็นหลักซึ่งวรรคของภาษไทยแทนเครื่องหมายวรรคตอนของภาษาอังกฤษได้หลายตัวมาก ทำให้เป็นอีกหนึ่งปัญหาการเขียน เพราะเดาไม่ถูกว่า วรรค ตรงนี้ควรเป็นเครื่องหมายไหนดี
          แต่ละภาษามีสุภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่างกันตามวัฒนธรรมและลักษณะของประเทศนั้นๆ อย่างหนีเสือปะจระเข้ จะกลายเป็น out of the frying pan and into the fire. หนีกระทะทอดไปเจอกองไฟทันที หรือ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ก็เป็นเข้ากรุงโรมต้องทำตามชาว When in Rome do  as the Romans do. ซึ่งเวลาจะใช้คนไทยคงนึกไม่ถึงกรุงโรมแน่ๆ ถ้าจะเปรียบก็เลือกอาณาจักรไทยที่เราคุ้นเคยมากว่า เช่น กรุงอโยธายา จริงๆปัญหานี้แก้ได้ง่ายมากเพราะมีพจนุกรมหลายประเภท แต่ที่เป็นปัญหาจริงๆน่าจะเป็นการใช้ไม่เป็นมากกว่า ไม่รู้คำว่านี้ใช้ในประโยคนี้ได้หรือไม่ หรือว่าคำนี้มีความหมายด้านบวกหรือด้านลบ หริไม่แน่ใจว่าจะตรงกับความหมายที่คิดไว้หรือเปล่า ฉะนั้นต้องมีพจานกรมอังกฤษติดไว้อีกด้วย เลือกเล่มที่อธิบายความหมายเยอะๆ และยกตัวอย่างเยอะมากๆ จะทำให้ได้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น
          วิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้ให้เขียนภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น วิธีที่ดีที่สุดคือ คิดเป็นภาษาอังกฤษเลย ห้ามคิดเป็นไทยแล้วแปลกลับเป็นภาษาอังกฤษเพราะรายละเอียดหลายๆอย่างอาจจะตกหล่นระหว่างการแปลได้ แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน เพราะมันต้องอาศัยความคุ้นเคย ถึงจะทำให้คิดเป็นภาษาอังกฤษ แต่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยการฝึกทักษะภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการฟังหรือการอ่านก็ได้เพื่อสร้างความคุ้นเคยในการใช้ภาษา แต่ในระหว่างที่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้ภาษาอังกฤษก็มีวิธีช่วยพัฒนาทักษะการเขียนดังนี้
การเขียนร่างหลายๆครั้ง หรือเขียนแล้วทบทวนแก้ไขหลายรอบอย่าเขียนครั้งเดียวส่ง ร่างเสร็จก็ตรวจทานใหม่ ถ้าเป็นการบ้านที่อีกนานกว่าจะส่งให้รีบทำไว้แต่เนิ่นๆ ตรวจรอบแรกแล้วทิ้งไว้ซัก 3 วัน มาอ่านอีกที แก้ไขแล้วเว้นไว้ 5 วันแล้วมาแก้อีกรอบ ควรเว้นทุกจังหวะระหว่างการแก้ไขแต่ละครั้ง
          ถ้ารู้สึกว่างานเขียนมันดูพื้นๆมากเลย มีแต่  I am. He is. They are. เต็มไปหมด เช่น He has beautiful eyes. They are green. He is looking right at me. ก็ลองรมเป็น His beautiful green eyes are looking right at me. ซึ่งสามารถฝึกการแปลงรูปประโยคได้จากการอ่านและฟังเยอะๆเหมือนกับตัวช่วยตรวจสอบที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งประสาทสัมผัสเพิ่มมากขึ้นก็เหมือนตัวช่วยตรวจสอบที่มีมากตาไปด้วย การขยันพิมพ์ภาษอังกฤษในสเตตัสก็อาจช่วยได้ เมื่อมีประโยคที่ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกหรือไม่ การพิมพ์ลงใน Google ดูผลลัพธ์ดีๆว่าเขาใช้ในสถานการณเดียวกันหรือเปล่า
          คำศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำนอกจากมีความหมายตามพจนานุกรมแล้ว หลายคำยังสมารถให้อารมณ์ได้อีกด้วย นั่นคือ ที่จะหมายความถึงสิ่งหนึ่งเฉยๆ ยังให้ความรู้สึกไปด้วยว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งนั้นในแง่บวกหรือแง่ลบ เรียกว่า Connotation เช่น Slim , skinny, slender, thin ทั้งหมดนี้แปลว่าผอม แต่ skinny ให้ความรู้สึกในแง่ลบ เพราะบอกเป็นนัยว่า ผอมเกิน ผอมแบบสุขภาพไม่ดี ส่วน slim และ slender ให้ความหมายในแง่บวกว่าผอมและหุ่นดี ในขณะที่ thin ผอมเฉยๆ ไม่ได้ใส่ความรู้สึกอะไรมาก ซึ่งการที่เราจะได้รู้จักว่าคำไหนมีความหมายตรงๆ คำไหนใช้อารมณ์ร่วม แล้วเป็นความรู้นึกแง่บวกหรือลบนั้น ต้องอาศัยความรู้สึกคุ้นเคย ที่มาจากการหนังสือชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงภาษาอังกฤษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น