การฝึกทักษะ....นอกห้องเรียน
การฝึกทักษะการพูด
หลังจากที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังเพลง ฟังบทสนทนา
และการดูหนัง ดิฉันสามารถฟังสำเนียงอเมริกันได้เข้าใจมากขึ้น และฝึกทักษะการอ่าน
ทั้งอ่านนิทาน อ่านข่าว และอ่านนิยายเรื่องสั้น ซึ่งนั่นคือก้าวสำคัญของการฝึกทักษะของในสัปดาห์นี้ดิฉันจึงคิดว่าดิฉันจะฝึกทักษะการพูด
ซึ่งถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกันการสื่อสาร
เพราะในการเรียนภาษาอังกฤษและในชีวิตประจำวันเราจำเป็นจะต้องพบเจอและพูดคุยกับชาวต่างชาติมากมาย
แต่ทักษะทางด้านการพูดของดิฉันยังอ่อนมาก
เพราะดิฉันไม่ค่อยเก่งหลักไวยากรณ์ในภาษาอังกฤษจึงทำให้ไม่มีความกลัวและเขินอายในการพูดคุยภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติ
ดิฉันยังไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดคุยกับชาวต่างชาติอีกด้วย
และนอกจากนี้ดิฉันยังกลัวผิด กลัวเสียหน้า และกลัวเขาไม่เข้าใจ
ซึ่งถือเป็นความคิดที่ผิดมาก
เพราะถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยเก่งหลักไวยากรณ์แต่เราก็สามารถพูดคุยภาษาอังกฤษได้ ฉันมีคนไทยที่พูดภาษาอังกฤษเก่งในดวงใจอยู่คนหนึ่ง
เขาคือ หลิงหลิง นักเรียนทุนของไทยที่ได้ทุนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา
จากผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึ่ง ต้องไปใช้ชีวิตอยู่อเมริกาลำพัง
กับทักษะการพูดภาษาอังกฤษในระดับงูๆปลาๆ
ทุกวันนี้เธอจบการศึกษาจากอเมริกาและแชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตและสอนภาษาอังกฤษทางยูทูปอย่างเข้าใจความเป็นเด็กไทย
ในวันอังคารที่ 29/09/2015 ดิฉันได้ปรับทัศนะคติของการไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษตามคลิปวิดีโอของ
หลิงหลิง ที่มีชื่อว่า ทำอย่างไรให้ "กล้า"
พูดภาษาอังกฤษกับ"ฝรั่ง" ? จาก เว็บไซต์นี้ค่ะhttps://www.youtube.com/watch?v=DmEX8TdMS6g ซึ่งในคลิปนี้ หลิงหลิง
ได้แชร์ประสบการณ์และเริ่มต้นด้วยการพูดโน้มน้าวให้เรากล้าที่จะพูดภาษาอังกฤษออกมา
เวลาต้องฝึกพูดภาษาอังกฤษจริงๆจะได้ไม่มีทัศนะคติในทางลบหรือเป็นกำแพงหินชั้นสูงของการใช้ภาษา
หลิงหลิง ให้คำแนะนำว่าประการแรกควรเริ่มต้นที่ การเลิกกลัวที่จะพูด
การปรับเปลี่ยนความคิด
ที่ว่าถ้าออกเสียงเพี้ยนชาวต่างชาติจะเยาะเย้ยแต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ใช่อย่างนั้นเลย
จะน่ารักพอๆกับเราชื่นชมฝรั่งที่พยายามพูดภาษาไทยเช่นกัน
ในวันที่ 30/09/2015
ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดด้วยเทคนิคของ หลิงหลิง เริ่มต้นจากการฝึกออกเสียง
A-Z ให้ถูกต้องในแบบฉบับของเจ้าของภาษา
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเราจะรู้จักตัวอักษรเหล่านี้เรารู้จักและท่องได้เป็นอย่างดี
แต่เมื่อได้ฝึกจริงๆก็รู้เลยว่าบางตัวดิฉันก็ออกเสียงอย่างที่แยกไม่ได้
และการออกเสียงตัวอักษรเหล่านี้แหละเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการออกเสียงคำศัพท์ทุกคำและการออกเสียงที่ค่อนข้างแยกยากเลยก็คือ
ตัว t-d, s-z, l-r เสียงเหล่านี้ ออกเสียงมาแล้วฟังคล้ายๆกัน
ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ของการสื่อสารจนเข้าใจความหมายผิดเพี้ยนไปจากเดิม เพราะตัวอักษรและสระบางตัวสามารถออกเสียงได้หลายแบบ
ซึ่งบางครั้งเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเราจะต้องออกเสียงอย่างไร
นี่ก็ถือเป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่งของคนไทยที่สำคัญมากเช่นกัน
ในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558
ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดด้วยการฟังการสอนการออกเสียงประโยคที่มีชื่อว่า “ฝึกพูดอังกฤษกับ 30 ประโยคพื้นฐานง่ายๆ ซึ่งเป็นการสอนออกเสียงประโยคพื้นฐานง่ายๆที่เรามักพบเจอในชีวิตประจำวัน
ซึ่งบางประโยคเรายังคงออกเสียงผิด ทำให้ผู้ฟังเกิดการสับสนหรือไม่เข้าใจได้
และนอกจากนี้ เขายังสอนเกี่ยวกับรูปประโยคอีกด้วยโดยที่ในคลิปนี้มีความยาวทั้งหมด 26.44นาที ซึ่งประโยคในคลิปมีตัวอย่างดังนี้ เช่น Have a good day,
Can you repeat that?, Do you need help?, Don’t be late และ That’s
enough etc. ซึ่งในตอนแรกเขาจะสอนออกเสียงเป็นคำๆก่อน
โดยที่เขาจะเน้นการออกเสียงคำที่ยากให้เราฟังก่อน 2-3 รอบ และหลังจากนั้นเขาจะออกเสียงทั้งประโยคแล้วให้เราออกเสียงตาม
ดิฉันจึงได้ออกเสียงตามเขาทีละประโยคจนครบ 1 รอบ
และจากนั้นจึงย้อนกลับมาออกเสียงทีละประโยคอีกครั้ง
เพื่อทำให้สามารถออกเสียงได้ถูกต้องมากขึ้น
ในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดด้วยการฟังและพูดตามบทสนทนา ซึ่งเป็นการสอบถามและพูดคุยเกี่ยวกับกีฬา
ในแต่ละเหตุการณ์จะมีการสนทนากันก่อนในรอบแรก เพื่อให้เราฝึกฟังก่อน
และในรอบที่สองจะมีการสนทนากันทีละประโยคและหยุดลงเพื่อให้เราพูดตาม โดยจะมี subtitle ภาษาอังกฤษให้เราดูและฝึกพูดตาม
ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดโดยการพูดตามคลิปในช่วงที่เขาหยุดให้พูดตาม เหตุการณ์ละ
3 ครั้ง และพูดพร้อมกับเขาในตอนที่เขาสนทนากันแบบที่ไม่มี subtitle อีกเหตุการณ์ละ 5 ครั้งในเหตุการณ์จะเป็นการสนทนากันระหว่างผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่งในฟิตเนส
จากการฝึกทักษะการพูดดิฉันได้ฝึกโดยการเรียนรู้การออกเสียงคำศัพท์ที่มีความคล้ายคลึงกันซึ่งคนไทยมักเข้าใจผิดและออกเสียงไม่ถูกต้อง
การฝึกออกเสียงประโยคพื้นฐาน และการออกเสียงตามบทสนทนา พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น
มีความมั่นใจในการพูดมากขึ้น
ซึ่งดิฉันได้ทดสอบการพูดของดิฉันโดยการโทรคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติของดิฉันในTango ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยคุยกับดิฉันแล้วแต่เขาไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ดิฉันพูด
ดิฉันต้องย้ำหลายๆครั้งเขาจึงจะเข้าใจ
แต่หลังจากที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดนั้นปรากฏว่าเขาสามารถฟังดิฉันพูดได้เข้าใจมากขึ้นโดยที่ดิฉันไม่จำเป็นต้องย้ำหลายครั้ง
ทำให้การสนทนาสนุกสนานมาก และดูเหมือนว่าเราจะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นการพัฒนาทักษะที่ดีมาก
แต่ดิฉันก็ยังคงไม่หยุดฝึกทักษะนี้เพราะหากเราละเลยการฝึกทักษะไปก็อาจทำให้เรากลับไปเป็นคนที่ไม่เก่งและไม่กล้าอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น