การฝึกทักษะ....นอกห้องเรียน
8th : 22/09/2015
การฝึกทักษะการอ่าน
ในสัปดาห์ที่แล้ว
ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังเพลง ฟังบทสนทนา และการดูหนัง
ดิฉันสามารถฟังสำเนียงอเมริกันได้เข้าใจมากขึ้น ซึ่งนั่นคือก้าวแรกของการฝึกทักษะ
ในสัปดาห์นี้ ดิฉันจึงคิดว่าดิฉันจะฝึกทักษะการอ่าน
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทักษะที่เป็นการ input
ความรู้เพิ่มเติมศักยภาพในการ output
ของดิฉันเองการอ่านทำให้เราได้อะไรใหม่ๆ ฝึกเข้าใจความเป็นชาติตะวันตก
ซึมซับธรรมเนียมผ่านงานเขียนมากมาย โดยเริ่มจากการนิทานง่ายๆ เนื้อหาสั้น พบว่าดิฉันสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้นมากกว่านี้
ดิฉันจึงต้องการฝึกทักษะการอ่าน
ซึ่งถือว่าเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ดิฉันควรได้รับการพัฒนา
เพราะดิฉันเป็นคนที่รู้จักคำศัพท์น้อย จึงทำให้อ่านบทความต่างๆไม่ค่อยเข้าใจ
ต้องนั่งแปลศัพท์เป็นเวลานาน ทำให้ต้องใช้เวลานานมากในการอ่าน
นอกจากนี้ดิฉันยังไม่ค่อยเข้าใจรูปประโยครูปแบบต่างๆที่มีความซับซ้อนมากด้วย
จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการทำความเข้าใจบทความที่อ่านด้วยเช่นกัน
จากปัญหาข้างต้นนั้นทำให้ดิฉันไม่สามารถอ่านบทความต่างๆได้เข้าใจแบบถูกต้อง
เพราะไม่สามารถแปลความหมายของบทอ่านนั้นออกมาได้ทั้งหมด
จึงเป็นเหตุให้ดิฉันไม่ชอบอ่านบทความต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษ
มักจะหาบทความที่ถูกแปลจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยไว้แล้ว
วันพุธที่
21/09/2015 ดิฉันอ่านนิทานชื่อเรื่องว่า The Bear and the Travellers เรื่องนี้เป็นเรื่องของชายสองคนที่เป็นเพื่อนรักกัน ร่วมเดินทางไปในป่า
วันหนึ่งพวกเขาเจอหมีตัวใหญ่ยักษ์ชายหนุ่มหนึ่งคนเห็นหมีแล้วจึงรีบวิ่งไปแอบหลังต้นไม้
โดยไม่ได้บอกเพื่อนอีกคน เพื่อนอีกคนกว่าจะรู้ว่ามีอันตรายก็ช้าไปเสียแล้ว
เขาจึงนอนราบลงกับพื้น เมื่อมีเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วใช้จมูกดมดู
เขาก็กลั้นหานใจราวกับว่าเขาได้ตายไปแล้ว ตามคำกล่าวที่ว่า
ถ้าเจอหมีให้แกล้งตาย
ไม่นานหมีตัวนั้นก็เดินจากไปอย่างช้าๆ เพื่อนของเขารีบวิ่งออกมาจากที่ซ่อนแล้วตรงเข้ามาถามเขาว่า
เมื่อสักครู่หมีตัวนั้นได้บอกอะไรกับเจ้าเหรอเพื่อนรัก เขาตอบไปว่า
หมีได้บอกข้าว่า จงอย่าร่วมเดินทางไปกับคนที่ทิ้งข้าไว้เมื่อยามมีภัย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ชคชะตามักสอนให้เรารู้จักจิตใจคนเสมอ การอ่านนิทานเรื่องนี้
ดิฉันคิดว่า ดิฉันพอจะอ่านได้ค่อนข้างเข้าใจทั้งหมด เนื่องจากคำศัพท์ง่าย
มีภาพประกอบ และเนื้อหาสั้น
วันพฤหัสบดีที่ 22/09/2015 ดิฉันเริ่มอ่านเนื้อความยาว และยากขึ้นอีกระดับหนึ่ง Jack and the
beanstalk นิทานเรื่องเจ็คผู้ฆ่ายักษ์
มีเนื้อเรื่องที่ยาวขึ้นมากว่าเรื่องที่แล้ว
เจ็คได้เมล็ดถั่ววิเศษมาจากชายแก่คนหนึ่ง
เมล็ดถั่วโตเป็นต้นถั่วสูงขึ้นไปบนสวรรค์ เจ็คปีนขึ้นไปจนพบเมืองยักษ์และขโมยไข่ไก่และพิณวิเศษ
ยักษ์ตามมาจะเอาของคืนแต่แม่ของเจ็คตัดต้นถั่วทำให้ยักษ์ตกจากต้นถั่วและหายสาบสูญไป
หลังจากนั้นครอบครัวของเจ็คก็ร่ำรวยและมีความสุขตลอดมา จากที่อ่านนิทานเรื่องนี้ดิฉันยังสังเกตว่าส่วนใหญ่จะใช้ประโยค
Past simple Tense ในการบรรยายเรื่องเกือบทั้งหมด
และคำศัพท์ที่ใช้ก็ยังมีระดับที่ยากขึ้นบางคำต้องเปิดดิกชันน่ารี่ เพื่อแปลความหมายอยู่บ้าง
วันศุกร์ที่ 25/09/2015 ดิฉันเปลี่ยนจากการอ่านนิทานมาเป็นอ่านข่าวบันเทิงในนิตยสาร
เป็นบทความที่เขียนถึงนักร้องหนุ่ม Justin Bieber ว่าเขาเป็นนักร้องที่พรสวรรค์ตั้งแต่เด็ก
เขาเปลี่ยนจากการเล่นกีฬามาเป็นการเล่นดนตรี และแม่ของเขาก็สนับสนุนเขาเป็นอย่างดี
จนเขาได้ออกอัลบั้มชื่อว่า My world เพียงแค่เพลงแรกเขาก็มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในระดับสากล
นอกจากเขาจะมีชื่อเสียงแล้วเขายังบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือกองทุนที่ก่อตั้งโรงเรียนยากไร้
และช่วยเหลือคนยากคนจน
จนหลังจากนั้นเขาเริ่มมีข่าวในทางลบเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง
ล่าสุดเขามีข่าวว่าเขาขับรถด้วยความประมาทจนเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ในการอ่านข่าวครั้งนี้มีคำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมายเต็มไปหมด
ดิฉันคิดว่าทักษะของดิฉันคงจะอยู่ในระดับปานกลางเพราะเมื่อมาอ่านข่าวนี้
เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนจริงซึ่งดิฉันจะต้องศึกษาคำเหล่านี้ไว้มากกว่าที่ดิฉันรู้
วันอาทิตย์ที่
27/09/2015 ดิฉันได้อ่านนิยายเรื่องสั้นเรื่องThe
Prison of Zenda เป็นนิยายที่ใช้ในการแปลนิยายงานที่อาจารย์สั่ง
เป็นนิยายที่อ่านเนื้อเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดพร้อมทั้งแปลคำศัพท์ยากๆ
เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาโดยรวมทั้งหมด ประโยคที่ใช้มีทั้งภาษาแบบการบรรยาย
และเป็นคำพูดของตัวละครในเรื่องที่คุยกัน อุปสรรคคือ เมื่อเป็นบทของตัวละครคุยกัน
ดิฉันมักจะสับสนว่าตอนนี้ในขณะที่อ่านใครเป็นคนที่พูดคำนี้ และพูดถึงใคร พูดกับใคร
ดิฉันอ่านไปหาประธานกริยา กรรม และคำสรรพนาม ดิฉันหาแทบไม่เจอ แยกไม่ออกเลย
เพราะประโยคค่อนข้างซับซ้อนและมีการละคำจนทำให้
ใจความบางตอนเจ้าของภาษาอ่านแล้วเข้าใจ แต่ดิฉันค่อนข้างงงมาก
ต้องอ่านแล้วซ้ำๆหลายรอบกว่าจะผ่านไปแต่ละหน้า นับว่าเป็นอุปสรรคไม่น้อยเลย
ซึ่งในสัปดาห์ดิฉันไม่ได้เพียงฝึกทักษะการอ่านเพื่อทำความเข้าใจเนื้อเรื่องเพียงอย่างเดียว
เพราะจากที่ดิฉันได้อ่านบทอ่านต่างๆแล้วนั้นทำให้ดิฉันได้พัฒนาทักษะการอ่านออกเสียง
และมีสำเนียงที่น่าฟัง รวมไปถึงการพัฒนาทักษะการแปลควบคู่ไปด้วยเช่นกัน เพราะเราจะไม่สามารถอ่านเนื้อเรื่องภาษาอังกฤษได้เข้าใจหากเราไม่ได้แปลเนื้อเรื่องนั้นมาเป็นภาษาแม่
เพราะเราจะสามารถเข้าใจเนื้อหาของสิ่งที่เราอ่านจากภาษาแม่ได้ดีกว่าภาษาที่สองแน่นอน สำหรับผู้ที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ
การเลือกสิ่งที่อ่านตามความสามารถของเรามีความสำคัญอย่างมาก
ถ้าเราเลือกอ่านสิ่งที่ยากเกินไป
เต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคและโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อนก็คงจะไม่เห็นผลมากนัก นิทานภาษาอังกฤษใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย
และคำศัพท์ที่ไม่ยากจนเกินไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น